กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ปัญหาช้างป่า” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14 – 15 มกราคม 2558 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทั่วทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,251 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาช้างป่าที่ออกมาอาละวาดทำลายทรัพย์สินและบุกรุกทำลายพืชผลทางการเกษตร ทั้งในส่วนของพื้นที่อุทยานแห่งชาติและพื้นที่เกษตรกรรมหรือพื้นที่ทำกิน อาศัยการสุ่มตัวอย่างจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” ด้วยความน่าจะเป็นด้วยวิธีแบบเป็นระบบ (Systematic Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 95.0 และมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (Standard Error: S.E.) ไม่เกิน 1.4
จากผลการสำรวจ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาช้างป่าอุทยานแห่งชาติออกมาอาละวาด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.84 ระบุว่า ควรจำกัดเวลาเข้า – ออก และการเดินทางของนักท่องเที่ยวภายในอุทยานแห่งชาติ รองลงมา ร้อยละ 26.86 ระบุว่า ควรจำกัดบริเวณช้างป่า ร้อยละ 21.98 ระบุว่า ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวนำรถส่วนตัวขึ้นอุทยานแห่งชาติแต่ให้ใช้บริการยานพาหนะของทางอุทยานเท่านั้น ร้อยละ 13.11 ระบุว่า ควรปิดอุทยานแห่งชาติเพื่อคืนพื้นที่ให้ช้างป่าและสัตว์ป่าอื่น ๆ ร้อยละ 11.83 ระบุว่า ควรจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่อวันในการเข้าสู่พื้นที่อุทยานแห่งชาติ ร้อยละ 3.76 ระบุว่า ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ให้อุทยานแห่งชาติรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น ร้อยละ 1.28 ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ ควบคุมปริมาณจำนวนช้างป่า และอนุญาตให้ใช้อาวุธป้องกันตัวจากการอาละวาดของช้างป่าได้ ติดตั้งป้ายเตือนระวัง และวิธีการปฏิบัติเมื่อพบช้างป่า และเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ประจำ จุดเสี่ยงให้มากขึ้น และร้อยละ 1.36 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาช้างป่าบุกกินพืชไร่ของเกษตรกร พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.84 ระบุว่า ควรจำกัดบริเวณช้างป่า รองลงมา ร้อยละ 45.40 ระบุว่า ควรออกกฎหมายห้ามไม่ให้ทำการเกษตรใกล้เขตที่อยู่อาศัยของช้างป่า ร้อยละ 10.71 ระบุว่า ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ให้ภาครัฐรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้าน ร้อยละ 2.40 ระบุว่า ควรอนุญาตให้ชาวบ้านกำจัดช้างป่าได้เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 2.24 ระบุว่า อื่น ๆ จัดระเบียบพื้นที่ ด้วยการคืนพื้นที่ให้ช้างป่า และจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับปลูกพืชเพื่อให้เป็นอาหารสำหรับช้างป่า ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ และส่วนหนึ่งเห็นว่า เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก เจ้าหน้าที่ต้องร่วมมือกันหามาตรการป้องกันและแก้ไข และ ร้อยละ 2.72 ไม่ระบุ ไม่แน่ใจ
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 20.38 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ร้อยละ 20.06 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 20.54 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 20.14 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 18.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่างร้อยละ 50.04 เป็นเพศชาย และ ร้อยละ 49.96 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่างร้อยละ 8.61 มีอายุ 18 – 25 ปี ร้อยละ 33.71 มีอายุ 25 – 39 ปี ร้อยละ 45.65 มีอายุ 40 – 59 ปี และร้อยละ 12.02 มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 94.47 นับถือศาสนาพุทธ ตัวอย่างร้อยละ 4.63 นับถือศาสนาอิสลาม และตัวอย่างร้อยละ 0.89 นับถือศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ ตัวอย่างร้อยละ 27.48 สถานภาพโสด ตัวอย่างร้อยละ 70.41 สมรสแล้ว และตัวอย่างร้อยละ 2.11 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่างร้อยละ 23.45 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ตัวอย่างร้อยละ 28.35 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 10.38 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ตัวอย่างร้อยละ 31.37 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และตัวอย่างร้อยละ 6.45 จบการศึกษา สูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ตัวอย่างร้อยละ 15.63 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ตัวอย่างร้อยละ 16.53 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ตัวอย่างร้อยละ 22.50 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ตัวอย่าง ร้อยละ 13.75 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ตัวอย่างร้อยละ 13.09 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ตัวอย่างร้อยละ 14.98 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และ ตัวอย่างร้อยละ 3.52 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ตัวอย่างร้อยละ 13.43 ไม่มีรายได้ ตัวอย่างร้อยละ 16.23 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ไม่เกิน 10,000 ตัวอย่างร้อยละ 34.53 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อเดือน 10,001 – 20,000 ตัวอย่างร้อยละ 11.99 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 – 30,000 บาท ตัวอย่างร้อยละ 6.00 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อเดือน 30,001 – 40,000 ร้อยละ 8.95 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน มากกว่า 40,001 บาท ขึ้นไป และร้อยละ 8.87 ไม่ระบุรายได้