เอสซีจีต้นแบบด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ 1 ของโลก 4 ปีซ้อนจาก DJSI มุ่งผลักดันสร้างเครือข่ายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอาเซียน

ข่าวอสังหา Tuesday October 28, 2014 16:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--สำนักงานสื่อสารองค์กร เอสซีจี เอสซีจี ได้รับการประเมินและจัดอันดับในดัชนีวัดประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนจาก Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI ให้เป็นที่ 1 ของโลก ในสาขาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน มุ่งมั่นสู่องค์กรต้นแบบด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับอาเซียนและระดับโลก พร้อมสร้างเครือข่ายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาค ผ่านเวทีระดับสากล ‘ASEAN Sustainable Development Symposium 2014’ นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development - SD) อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ส่งผลให้เอสซีจีได้รับการประเมิน และจัดอันดับในดัชนีวัดประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนดาวน์โจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices - DJSI) ให้เป็นที่ 1 ของโลก (Industry Leader) ในสาขาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (Construction Materials) เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน และอยู่ในระดับ Gold Class ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ตั้งแต่ปี 2551 โดย DJSI เป็นดัชนีหลักทรัพย์ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก ซึ่งกองทุนต่าง ๆ จากทั่วโลกใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาลงทุน ด้วยเชื่อมั่นว่าบริษัทที่อยู่ใน DJSI จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน “ตลอดระยะเวลากว่า 100 ปี การที่เอสซีจีได้เป็น 1 ของโลกด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เกิดจากผลสำเร็จของการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในทุก ๆ มิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง เอสซีจีได้กำหนดแนวทางด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นแผนแม่บทในการดำเนินธุรกิจที่เริ่มจากภายในองค์กรและขยายสู่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคมทั่วไป โดยมีปัจจัยในการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนบนอุดมการณ์ 4 และให้ความสำคัญกับบุคลากรซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงสุด” นายกานต์ กล่าว ในฐานะผู้นำภาคธุรกิจ เอสซีจีพร้อมเป็นองค์กรต้นแบบเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเริ่มจากการพัฒนาตนเองให้ดีอยู่เสมอ การดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเอสซีจีเริ่มจากการจัดการภายในองค์กร อาทิ การลดการใช้พลังงานและวัตถุดิบ การใช้พลังงานทดแทนที่มีผลกระทบน้อยกว่า การนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ การพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในด้านกระบวนการผลิต การใช้งาน และการกำจัดเมื่อเลิกใช้งาน การพัฒนาอาคารให้เป็น Green Building เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของพนักงานให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ลดผลกระทบจากการใช้อาคาร ตลอดจนดูแลรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการขยายสู่ห่วงโซ่อุปทาน อาทิ การจัดซื้อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการยกระดับคู่ธุรกิจด้วย Greening the Supply Chain การสร้างมาตรฐานและให้การรับรองความปลอดภัยคู่ธุรกิจ การยกระดับพนักงานของผู้ประกอบการโลจิสติกส์ผ่านการอบรมจากโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ (Skills Development School) และการแบ่งปันสู่สังคมผ่านโครงการต่างๆ ทั้งในรูปแบบการสร้างศักยภาพ พัฒนาความสามารถ และการมีส่วนร่วมของพนักงาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม อาทิ โครงการปันโอกาสวาดอนาคต โครงการเอสซีจีรักษ์น้ำเพื่ออนาคต โครงการนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อการฟื้นฟูดินเค็ม สมาคมเพื่อนชุมชน โครงการพัฒนาเยาวชนในช่วงอายุต่างๆ โดยเอสซีจีมุ่งผลักดันและสนับสนุนให้องค์กรต่าง ๆ นำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจของประเทศและการเติบโตอย่างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับอาเซียนได้อย่างยั่งยืน นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ประธานคณะกรรมการการพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) หรือ SD เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการดำรงอยู่อย่างยั่งยืนทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ เป็น Agenda ของโลกหรือ Must-have ที่ต้องดำเนินการในประเด็นหลักต่างๆ อาทิ พลังงาน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ น้ำ สุขอนามัย ความปลอดภัย และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยต้องคำนึงถึงกระบวนการ วิธีการในการใช้ทรัพยากรเพื่อตอบสนองความต้องการของประชากรโลกในปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็สามารถอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบต่อสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิต และการดำเนินธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาล เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของคนในรุ่นต่อๆ ไปได้ ซึ่งเอสซีจีได้นำแนวทางดังกล่าวมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดความยั่งยืนเสมอมา “สำหรับเป้าหมายและทิศทางด้าน SD ของเอสซีจี จะเพิ่มการมุ่งเน้นและพัฒนา Supply Chain จากแนวทาง SCG SD Pathway ในการทำแผนงานระยะปานกลางถึงระยะยาว โดยเริ่มจากการทำภายในเอสซีจีให้เป็น Green Manufacturing แล้วขยายการดำเนินการไปสู่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain ตั้งแต่การช่วยเหลือคู่ธุรกิจหรือ Supplier ต้นน้ำ (Up-stream Supply Chain) ในการทำ SD และขยายไปสู่ปลายน้ำ (Down-stream Supply Chain) อาทิ ผู้แทนจำหน่าย ลูกค้า รวมถึงหน่วยงานและองค์กรอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเอสซีจีพร้อมเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่อง SD และยินดีแบ่งปันความรู้และแนวปฏิบัติด้าน SD สู่ภายนอกเพื่อสร้างเครือข่ายการพัฒนาองค์กรที่ยั่งยืนทั้งในประเทศและอาเซียน” นายรุ่งโรจน์กล่าวเสริม เพื่อตอกย้ำความเป็นองค์กรต้นแบบที่มุ่งผลักดันการสร้างเครือข่ายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอาเซียนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ปีนี้ เอสซีจีได้จัดเวทีระดับสากล ‘ASEAN Sustainable Development Symposium 2014’ ภายใต้แนวคิด Collaboration for ASEAN Sustainable Growth สำหรับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่มีบทบาทในการกำหนดกลยุทธ์ ให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อรับฟังมุมมองของการดำเนินการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอาเซียนจาก H.E. Le Luong Minh (ASEAN Secretary-General) และแนวคิด ความเคลื่อนไหวของกระแสโลก การผลักดันภาคธุรกิจ รวมถึงผลสำเร็จจากการสร้างความร่วมมือขับเคลื่อนจนเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมจากอีกหลากหลายผู้นำภาคธุรกิจระดับโลก ในวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2557 เวลา 12:30-17:30 น. ณ แอทธินี คริสตัล ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ