“ท้องผูก” เรื่องทรมานของหนูน้อย

ข่าวทั่วไป Thursday March 12, 2015 17:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--โรงพยาบาลปิยะเวท เพราะการที่ลูกน้อยจะเจริญเติบโตขึ้นมามีสุขภาพแข็งแรงได้นั่น ต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง หนึ่งในนั่นก็คือการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงวัย เอื้อต่อการย่อยอาหารในเด็กเพราะเด็กแต่ละช่วงวัยมีระบบการย่อยอาหารที่แตกต่างกัน คุณพ่อคุณแม่จึงควรใส่ใจในการเลือกอาหารและไม่ควรมองข้ามแม้เรื่องเล็กน้อย มิฉะนั่นสิ่งที่ตามมาก็คือปัญหาสุขภาพซึ่งส่งผลต่อพัฒนาด้านร่างกายและอารมณ์ของลูกน้อยได้เช่นกัน พญ.พัชร เกียรติสารพิภพ กุมารแพทย์ ด้านระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลปิยะเวท กล่าวว่า การที่เราจะสังเกตุลูกน้อยว่ามีอาการท้องผูกหรือไม่นั้นดูได้จากความถี่ของการถ่ายอุจจาระ ถ้าน้อยกว่า 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์ หรืออาจถ่ายอุจจาระทุกวันแต่ต้องเบ่งมากและอุจจาระแข็ง อาจจะเป็นก้อนเล็กๆ คล้ายลูกกระสุนปืนอัดลม หรือเป็นก้อนที่มีขนาดใหญ่และแข็งมากทำให้เกิดความเจ็บปวดขณะเบ่งถ่าย บางครั้งอาจมีเลือดปนออกมาด้วย ซึ่งเด็กอาจมีอาการท้องผูกได้ทุกช่วงวัย พบมากที่สุดคืออายุ 6 เดือนถึง 4 ปี มีสาเหตุแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน การท้องผูกมักเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่ 1.เด็กเปลี่ยนจากนมแม่หรือนมวัวดัดแปลงมาเป็นนมวัวธรรมดา อาจเกิดท้องผูกได้ เนื่องจากนมวัวมีอัตราส่วนของโปรตีนต่อคาร์โบไฮเดรตสูงกว่านมแม่ 2.เด็กที่ดื่มน้ำน้อยหรือสูญเสียน้ำมากจากอากาศที่ร้อนหรือเป็นไข้ อุจจาระจึงมีลักษณะที่แข็งขึ้นทำให้ขับถ่ายลำบาก 3.เด็กไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ 4.สาเหตุที่พบบ่อยในช่วงวัยอนุบาลคือ เด็กห่วงเล่นและกลั้นอุจจาระจนเป็นนิสัย 5.เด็กที่ถูกฝึกให้ขับถ่ายเร็วเกินไปยังไม่พร้อมที่จะขับถ่ายเอง หรือเด็กที่มีความกังวลเกี่ยวกับการขับถ่าย ทำให้เกิดความเครียดและมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและพ่อแม่ผู้ปกครอง แต่ยังมีเด็กส่วนหนึ่งที่มีอาการท้องผูกจากโรคทางกายอื่นๆ เช่น โรคลำไส้ใหญ่ส่วนปลายไม่มีปมประสาท โรคเกี่ยวกับประสาทไขสันหลัง โรคต่อมไธรอยด์ทำงานน้อย ภาวะผิดปกติของเกลือแร่แคลเซียมและโปตัสเซียม หรือผลข้างเคียงจากยาบางอย่างเป็นต้น พญ.พัชร เกียรติสารพิภพ กล่าวเสริมว่า วิธีการป้องกันและดูแลเบื้องต้นสำหรับเด็กที่มีอาการท้องผูกบ่อย แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 อาหาร ควรเลือกรักรับประทานอาหารที่มีเส้นใยและการดื่มน้ำอย่างเพียงพอ เป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันและรักษาอาการท้องผูก ส่วนที่ 2 การฝึกนิสัยการขับถ่ายให้เด็กถ่ายอุจจาระทันทีที่มีความรู้สึกอยากถ่าย ควรฝึกให้นั่งถ่าย 10-15 นาทีทุกวันในเวลาเดิม โดยเวลาที่เหมาะสมคือหลังเวลาอาหาร เพราะจะมีการกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวและช่วยให้ก้อนอุจจาระเลื่อนผ่านออกมาง่ายขึ้น ควรกล่าวชมเชย เพื่อให้ลูกมีความตั้งใจที่จะฝึกขับถ่ายให้สม่ำเสมอต่อไป ส่วนยาระบายควรปรึกษาแพทย์ว่าจะใช้ยาชนิดไหนและอย่างไร ไม่ควรซื้อยาระบายหรือยาสวนมาใช้เองเพราะเป็นการรักษาที่ไม่ถูกต้องจะทำให้อาการแย่ลง ที่สำคัญจะทำให้เด็กไม่ได้รับการตรวจเพื่อหาโรคทางกายที่อาจพบร่วม อย่างไรก็ตามหากพบภาวะที่ เด็กถ่ายอุจจาระเล็ด เลอะเทอะกางเกง จะทำให้เกิดปัญหาพฤติกรรมการขับถ่ายเรื้อรัง อุจจาระจับเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่มากเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการอุดตันได้ การเบ่งอุจจาระมากๆ ทำให้เกิดรอยฉีกบริเวณทวารหนัก และมีเลือดออก การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ อาจสัมพันธ์กับภาวะท้องผูกเรื้อรัง มีอาการปวดท้อง ท้องอืด อาเจียน รับประทานอาหารน้อยและมีการเจริญเติบโตช้า น้ำหนักน้อย ควรรีบนำส่งแพทย์ทันทีไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานเด็กอาจเกิดอันตรายได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ