เกษตรฯ ยันสหกรณ์ 76 แห่งที่ทำธุรกรรมกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนยังเข้มแข็ง

ข่าวทั่วไป Wednesday March 18, 2015 12:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่พบสัญญาณจุดเสี่ยงหรือขาดสภาพคล่อง พร้อมชี้ปัญหาความขัดแย้งคณะกรรมชุดที่ 30 กับสมาชิกสหกรณ์คลองจั่นมีข้อยุติ นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงข่าวชี้แจงความเชื่อมั่นต่อระบบสหกรณ์ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์และกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้วางมาตรการในการพัฒนาระบบสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน แบ่งเป็น 4 มาตรการเร่งด่วน คือ 1. มาตรการป้องกันและเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบบัญชี เช่น การจัดเกรดสหกรณ์เป็นกลุ่มดี พอใช้ ต้องแก้ไข หรืออาจถูกยกเลิกตามกฎหมาย เพื่อให้ความเข้มข้นและความถี่ในการตรวจสอบตามเกรดสหกรณ์ การสร้างทีมตรวจสอบสหกรณ์เฉพาะกิจ เพื่อเข้าระงับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น 2. มาตรการแก้ไขปัญหาการทุจริต การกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งสหกรณ์ 3. มาตรการเฝ้าระวัง โดยใช้เครื่องมือทางการเงินมาบริหารจัดการ และ 4. มาตรการสนับสนุนและส่งเสริมเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งในระยะยาวให้แก่ระบบสหกรณ์ เช่น การจัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาความมั่นคง และส่งเสริมสหกรณ์ให้เข้าระบบเครดิตบูโร สำหรับการสร้างความเข้าใจกับสหกรณ์เจ้าหนี้ 76 แห่งที่ได้ทำธุรกรรมกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กรมตรวจบัญชีสหกรณ์และกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีการประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการสหกรณ์ และสมาชิกสหกรณ์ทั้ง 76 แห่งทั่วประเทศ เพื่อหารือและรับทราบแนวทางการดำเนินงานของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาสหกรณ์เครติดยูเนี่ยนคลองจั่นภายหลังที่ศาลจะมีคำพิพากษาตัดสินในวันที่ 20 มี.ค.นี้ และมาตรการอื่นๆ ที่ภาครัฐเตรียมการไว้ ซึ่งแต่ละสหกรณ์ก็มีความเข้าใจในทิศทางที่ตรงกัน ด้านนายโอภาส กลั่นบุศย์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ยืนยันว่าสหกรณ์ทั้ง 76 แห่งที่ทำธุรกรรมกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยังมีความเข้มแข็ง ไม่ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง หรือจุดเสี่ยงต่อความมั่นคงของสหกรณ์แต่อย่างใด ซึ่งเงินฝากของสมาชิกสหกรณ์ทั้ง 76 แห่งรวมกันทั้งสิ้น 80,716 ล้าน มีการนำไปฝากกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ประมาณ 7,400 ล้าน คิดเป็นจำนวนไม่ถึง 1 % ขณะที่ภาพรวมของสหกรณ์ทั้งประเทศซึ่งมีทั้งสิ้น 8,161 สหกรณ์ สมาชิก 11.27 ล้านครอบครัว ปริมาณธุรกิจรวม 2.25 ล้านล้านบาท ดังนั้น ในภาพรวมยังมีความเข้มแข็งอยู่ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีการประชุมชี้แจ้ง และทำความเข้าใจกับสหกรณ์ทั้ง 76 แห่งที่ไปทำธุรกรรมกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมาอย่างต่อเนื่อง ถึงมาตรการภาครัฐที่อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขปัญหาสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน จึงไม่มีจุดเสี่ยงหรือวิกฤตในระบบสหกรณ์ สำหรับกรณีมีกระแสข่าวการแห่ถอนเงินอย่างผิดปกตินั้น จากการตรวจสอบการถอนเงินของสหกรณ์ทั้ง 76 ที่ทำธุรกรรมกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ระหว่างวันที่ 1 – 10 มีนาคม 2558 พบว่า ยังไม่มีการเบิกถอนอย่างผิดปกติ เช่น สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเคหะรัษฏาภูเก็ตจำนวนเงินถอน 5 ล้านบาท สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนห้วยท่าช้าง จำกัด 2 ล้านบาท ขณะที่สหกรณ์ที่เป็นข่าว คือ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา มีการถอนเงินจำนวน 227 ล้านบาท จากจำนวนเงินสำรองที่สามารถเบิกจ่ายให้แก่สมาชิกทั้งหมด 3,400 ล้านบาท และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนนักบุญเปโตรซึ่งมีเงินฝากกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเพียง 4,500 บาท ด้านนางนฤมล พนาวงศ์ รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลการเบิกถอนเงินของสหกรณ์ข้างต้นไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติแต่อย่างใด เป็นภารกิจปกติของสหกรณ์ออมทรัพย์ที่มีการเบิกถอนเงินเหมือนในระบบธนาคาร ด้านนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในข้อเรียกร้องของสมาชิกสหกรณ์ที่ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสในเรื่องการเบิกค่าใช้จ่ายในการประชุมของคณะกรรมการสหกรณ์ฯ จากเดิมที่มีการกำหนดอัตราเบี้ยประชุมครั้งละ 900 บาท เดินทาง 600 บาท รวมเป็น 1,500 บาท และได้มีการต่อรองและลดอัตรามาเหลือเพียง 1,100 บาท แต่ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายมีข้อสรุปที่ตรงกันแล้วจะไม่มีการเบิกค่าเบี้ยประชุม และค่าเดินทางของคณะกรรมการฯ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ