บลจ.กสิกรไทยโชว์ฟอร์มเด็ด จ่ายปันผลกองทุน K-JP หลังจัดตั้งกองเพียง 3 เดือน รวมมูลค่ากว่า 91 ล้านบาท เตรียมจ่ายเงิน 10 เม.ย. นี้ พร้อมชูลงทุนหุ้นญี่ปุ่น สบจังหวะดัชนีย่อตัว เตรียมรับโอกาสกำไรพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 3, 2015 16:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--บลจ.กสิกรไทย นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผล กองทุนเปิดเค ญี่ปุ่น หุ้นทุน (K-JP) สำหรับ ผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2557 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2558 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียนเวลา 8.00 น. ของวันที่ 31 มีนาคม 2558 รวมมูลค่าการจ่ายปันผลทั้งสิ้นกว่า 91 ล้านบาท กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 เมษายน 2558 นี้ นายนาวินกล่าวว่า ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน K-JP นับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนที่ 8.96% และสามารถจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรก หลังจากจัดตั้งกองทุนได้เพียง 3 เดือน (จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2557) ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลถึง 3.64% ในรอบระยะเวลาเพียงแค่ประมาณ 3 เดือน โดยกองทุน K-JP มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund Japanese Equity, Class A Acc ซึ่งบริหารจัดการโดย Schroder Investment Management (Luxembourg) S.A. บริษัทจัดการลงทุนชั้นนำระดับโลก โดยกองทุนหลักถือเป็นหนึ่งในกองทุนหุ้นญี่ปุ่นชั้นนำขนาดใหญ่ ที่มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นบริษัทญี่ปุ่นที่มีผลประกอบการดี มีความสามารถในการแข่งขันสูง และมีความยั่งยืนในการเติบโตของธุรกิจ โดยไม่จำกัดหมวดหมู่ของอุตสาหกรรมหรือขนาดของบริษัท เพื่อความคล่องตัวในการลงทุน ทั้งนี้ กองทุน K-JP เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างสูง และเป็นกองทุนที่มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว อีกทั้งมุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับกองทุนหลักให้มากที่สุด สำหรับมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น นายนาวินกล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยมีมุมมองในเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากจะได้รับปัจจัยบวกหลายด้าน อาทิ การคาดการณ์เศรษฐกิจญี่ปุ่นในปีนี้ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปี 2557 ที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลมีการเลื่อนการปรับภาษีมูลค่าเพิ่มออกไปในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและภาคการบริโภคภายในประเทศ การปรับขึ้นค่าแรงพนักงานในอัตราที่สูงที่สุดในรอบหลายปีของบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งในญี่ปุ่น จะส่งผลบวกต่อกำลังซื้อภายในประเทศ รวมถึงการที่รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งออกมาปรับมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในรอบ 8 เดือน โดยให้ข้อสังเกตว่ามีการฟื้นตัวดีขึ้นในระดับปานกลาง และตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตขึ้นจากกิจกรรมภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ด้วยภาวะอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงดำเนินมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 80 ล้านล้านเยนต่อปี ส่งผลทำให้เงินเยนมีทิศทางอ่อนค่า และจะเพิ่มความสามารถการแข่งขันในด้านการส่งออกของญี่ปุ่น ซึ่งตัวเลขการส่งออกในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขยายตัวกว่า 17% และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 11.9% ทั้งนี้นับตั้งแต่ต้นปี 2558 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นทั้งดัชนี NIKKEI 225 และ Topix ต่างปรับตัวขึ้นประมาณ 10% และยังคาดว่าจะยังมีเม็ดเงินสภาพคล่องสูงไหลเข้ามาในตลาดหุ้นญี่ปุ่นต่อเนื่อง จากการเพิ่มสัดส่วนการเข้าซื้อหุ้นจากระดับไม่เกิน 12% เป็น 25% ของกองทุนบำนาญญี่ปุ่น (GPIF) ซึ่งถือเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกกว่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงประสิทธิภาพของนโยบายธนูดอกที่ 3 ที่จะส่งผลต่อการเติบโตของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจญี่ปุ่นในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาระดับราคาหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น จนทำระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต นอกจากนี้ล่าสุด ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ปรับตัวลดลงจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนในช่วงระยะสั้น ทำให้กองทุน K-JP มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น เพราะถือเป็นโอกาสที่จะทำกำไรจากการลงทุนได้มากขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว จากปัจจัยบวกต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน K-JP ของ บลจ.กสิกรไทย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ