กรุงเทพฯ--9 เม.ย.--เอเชีย เวลท์
บล.เอเชีย เวลท์ แนะลงทุนหุ้น STPI จากแนวโน้มการเติบโตของกำไรปีนี้ ที่ 16% มองราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 28.80 บาท พร้อมคาดตลาดหุ้นช่วงเดือนเมษา จะเป็นขาลง แนะนำระมัดระวังลงทุน
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า สำหรับ Trading Idea ของ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำลงทุนในหุ้น STPI ของ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหุ้นในหมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเน้นการรับงานในต่างประเทศ โดย STPI มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross profit margin) ในปี 2557 สูงถึง 28% และมี Net profit margin ปี 2557 ที่ 22% ซึ่งสูงมากหากเปรียบเทียบกับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันที่อยู่ที่ 4-5%เท่านั้น ทั้งนี้ ในปี 2557 STPI มีอัตราการเติบโตของกำไรสูงกว่าคาดที่ระดับ 37%ส่วนในปีนี้ คาดว่า บริษัทจะมีอัตราการเติบโตของกำไรที่ระดับ 16% จากโครงการต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่ยังเป็นไปตามแผนงาน ทั้งโครงการโครงสร้างเหล็ก และท่อส่งก๊าซ ที่ประเทศโมซัมบิก มูลค่าประมาณ 10,000-15,000 ล้านบาท, 2 โครงการในประเทศแคนาดา มูลค่าประมาณ 20,000-25,000 ล้านบาท, และโครงการใหญ่ Ichthys Project ที่ประเทศออสเตรเลีย ที่สร้างกำไรให้กับ STPI อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในปี 2558-2559 โครงการในออสเตรเลีย ส่วนใหญ่ใกล้จะเสร็จสิ้นลง แล้วยังไม่มีโครงการใหม่ในมือมากนัก แต่คาดว่าทาง STPI นับจากนี้จะมุ่งเน้นงานในญี่ปุ่นมากขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีอาเบะและโครงการสร้างสนามกีฬาสำหรับกีฬาโอลิมปิคที่โตเกียวในปี 2020
“จากแนวโน้มการเติบโตของอัตรากำไรที่ 16% ในปีนี้ทำให้ บล.เอเชีย เวลท์ มองว่า STPI เป็นหุ้นที่น่าลงทุน โดยมองราคาเป้าหมายปีนี้ ที่ระดับ 28.80 บาท หรือมี upside ประมาณ 70% จากราคาปัจจุบัน” นายวรุตม์ กล่าว
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ SET Index ในสัปดาห์นี้เปิดสัปดาห์มาปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาไม่ดีนัก ทำให้ตลาดคาดกันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกไป ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ตาม สัปดาห์นี้ มีวันทำการแค่ 4 วัน และจะเป็นวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ทำให้นักลงทุนจะไม่กล้าถือ Positionยาว โดยอาจมีการขายทำกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ คาดว่า SET Index ในสัปดาห์นี้ น่าจะยืนอยู่ได้ที่ระดับ 1,550 จุดได้
“ในช่วงเดือน เมษายน ปกติจะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง เนื่องจาก วันหยุดสงกรานต์ และเป็นฤดูการจ่ายเงินปันผลของบริษัทต่าง ๆ ตลอดจนการปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษกิจของประเทศและกำไรบริษัท ดังนั้น ผู้ลงทุนควรระมัดระวังในการเทรด นอกจากนี้ สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงหยุดเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเตรียมตัวเทรดหลังจากเปิดทำการ ได้แก่ ความไม่สงบในตะวันออกกลางในส่วนของการรบในเยเมน และปัญหาหนี้และการขาดสภาพคล่องทางการเงินของกรีซ ที่ยังไม่จบจะยังคงเป็นปัจจัยที่อาจจะกดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง” นายวรุตม์ กล่าว