ทีวีไกด์รายการ “คนดังนั่งเคลียร์” “กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน” ควงแขน “บี๋-สวิช” โดนโกงค่าตัว ลั่นเหมือนโดนปล้น

ข่าวบันเทิง Wednesday April 22, 2015 08:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--อาร์เอส กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลหลังจากซุปตาร์แดนซามูไร "มาโกโตะ" นักร้องนำวง "ลูซิเฟอร์" ลุกขึ้นมาโพสต์ทวิตเตอร์ทวงค่าตัวหนัง "เลิฟสุดจิ้นฟินสุโค่ย" ข้ามประเทศกับนายทุนไทยล่าสุด "กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์” ในฐานะผู้กำกับฯ และ “บี๋-สวิช เพชรวิเศษศิริ” นักแสดงรับเชิญ จูงมือกันมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทาง “ช่อง 2” บันเทิง..ถึงรส ถึงคุณ เพราะทั้งคู่ก็ยังไม่ได้รับเงินค่าตัวเช่นเดียวกัน ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย อะไรเป็นยังไง ? กอล์ฟ : จริงๆ แล้วตั้งแต่แรกนายทุนเรื่องนี้มีกัน 3 คน ระหว่างถ่ายทำก็มีปัญหาติดขัดเรื่องเงินๆทองๆและได้มีการยกกองไปแล้ว 1 รอบ และหลังจากนั้นก็ถ่ายทำกันจนจบ แล้วมารู้ทีหลังว่าหลังว่ามีทายทุนคนหนึ่งไปแอบอ้างกับนายทุนอีกสองคนว่าระหว่างที่ยกกองมันมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5 แสนบาท ซึ่งทางเราไม่รู้เรื่อง จนกระทั่งปิดกล้องนายทุนทั้งสองคนก็โทรมาถามเราว่าได้มีการขอเงินก้อนนี้ไปหรือเปล่า คือการยกกองครั้งหนึ่งมันมีค่าเสียหายเกิดขึ้นจริงแต่เราก็ไม่เคยไปเรียกร้องค่าเสียหายตรงนั้น เรื่องมันก็เลยแดงขึ้นมาว่านายทุนคนนี้เอาชื่อเราไปแอบอ้างเอาเงินกับนายทุนอีกสองคน เขาก็เลยมีการฟ้องร้องกันในระหว่างนายทุน 3 คนนี้ เขาฟ้องร้องกันเอง พอปิดกล้องเราก็มีการถามเรื่องค่าโปรดักชั่นที่จริงๆ เขาต้องจ่ายเรามา ตอนนี้เขายังไม่จ่ายกอล์ฟด้วย ไม่ใช่มาโกโตะคนเดียว ยังไม่จ่ายกอล์ฟเหลืออีก 2 ล้านค่ะ ส่วนเรื่องคั่วนักแสดงกอล์ฟไม่ได้เกี่ยวข้อง แล้วก็ไม่ได้รู้เลยว่าแต่ละคนได้ค่าตัวเท่าไหร่ เพราะว่าทางนายทุนเขาเป็นคนจัดการเรื่องสัญญา เรื่องติดต่อ เรื่องค่าตัวของทุกคนเองหมดเลย ก็เลยแยกสัญญากัน กอล์ฟก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆ ทุกคนมีค่าตัวเท่าไหร่ แล้วได้รับไปเท่าไหร่แล้ว บี๋ : ในส่วนของผมก็ได้รับการติดต่อให้ไปแสดงหนัง เมื่อปลายปี 56 แล้วก็มีการตกลงกันว่าจะจ่ายค่ะแสดงก่อน แล้วก็ถ่ายไป 50% แล้วค่อยจ่ายที่เหลือทั้งหมดให้ เริ่มถ่ายไปก็ยังไม่จ่ายค่าแสดง จนถ่ายไปได้แล้วเกือบครึ่งหนึ่ง ผมก็ทวงถามว่าไหนที่ตกลงว่าจะจ่ายค่าแสดงให้ เขาก็จ่ายมาเป็นเช็กให้กับผมยอดจำนวน 250,000 ก็เอาเช็กอันนี้ไปเข้าธนาคาร ปรากฏว่าตีกลับกลายเป็นเช็กเด้งครั้งที่ 1 ก็ติดต่อกับทางนายทุนทั้ง 3 ท่าน ตกลงมันยังไง เขาบอกว่าเดี๋ยวพออีกวันหนึ่งพี่เอาเงินเข้านะ ครั้งที่ 2 ผมก็เอาเงินเข้าอีก ก็เด้งอีก พอครั้งที่ 3 ผมก็บอกว่าช่วยเคลียร์ให้หน่อย ตกลงมันยังไงกันแน่ทำไมเงินไม่มี 2 ครั้งแล้ว เขาก็บอกขอโทษทีเดี๋ยวพยายามเคลียร์ให้ ครั้งที่ 3 ก็ตีกลับมา เช็กเด้ง แล้วเราก็ได้ถ่ายเรื่องนี้ไปเกือบจะจบแล้ว เรามาทราบเรื่องทีหลังว่ามันมีการผิดข้อกำหนดสัญญากัน ทะเลาะกันเองภายในหุ้นส่วน เขาก็ต่างคนต่างชี้แจงว่าฉันไม่เกี่ยวข้อง เราเองในฐานะที่เป็นนักแสดง ถึงแม้เราจะได้บทน้อย แต่เราก็ทำงานเต็มที่แล้ว มันไม่ยุติธรรมว่าเราทำงานแล้วเราไม่ได้เงินถึงแม้มันจะไม่มากเท่าไหร่ แต่มันก็มีค่าสำหรับเรา คนทำงาน ทีแรกผมก็นึกว่าผมโดนคนเดียว แต่มาทราบจากทางคุณกอล์ฟเองในวันปิดกล้อง ได้คุยกัน แล้วก็จากหุ้นส่วนแล้วก็นักแสดงอีกหลายท่านก็โดนหุ้นส่วนคนที่ 1 โกงไป หนีไป แล้วก็โยนความผิดมาให้หุ้นส่วนคนที่ 2 หลังจากนั้นหุ้นส่วนคนที่ 2 ก็พยายามดำเนินให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายให้เสร็จ เพื่อที่จะได้ฉาย แล้วก็ได้มาขออนุญาตกับพวกเรานักแสดงทั้งหมดว่านำฉายนะ แล้วก็ทำสัญญากับพวกเราส่วนหนึ่งว่า จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับพวกเรา ค่าแสดงทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย 7% ตามกฎหมาย ก็มีรายชื่อต่างๆ มาให้เรา เรียบร้อย แต่หนังจะเข้าฉายวันที่ 25 กันยา ปี 57 เงินจะจ่ายทั้งหมดกุภา ปี 58 พอถึงตรงนี้เราก็โอเค ส่วนหนึ่งเราก็เห็นใจเข้าใจในหุ้นส่วนคนที่ 2 ที่โดนกระทำที่ไม่ถูกต้องแบบนี้ ก็เอาใจช่วย พยายามจะช่วยเขา พอถึง 28 กุมภา ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากหุ้นส่วนคนที่ 2 ในการทำงานถ้าเราคิดหนี้ใครเรื่องราวมันเป็นยังไงก็น่าจะชี้แจงให้เรารับทราบนิดหนึ่ง ผมก็โทรไปสอบถามหุ้นส่วนคนที่ 2 ว่ายอดรายได้มันไม่ดี ได้ประมาณแสนกว่าบาท หักค่าใช้จ่ายแล้วแทบไม่เหลืออะไร ผมก็แล้วในส่วนของพี่จะทำยังไงได้บ้าง เขาก็บอกทุกคนเหมือนกันหมด แต่ยอดตรงนี้ทำไมเขาชี้แจงกับเราคี่แสนกว่าบาท ก็ได้คุยกับทางกอล์ฟว่ายอดหนัง 5 ล้าน 9 แล้วมันหักค่าใช้จ่ายอะไรยังไง เขาลงทุนอะไรบ้าง เราไม่ทราบเลย คำถามคือถ้าได้มาส่วนนี้ทำไมไม่มาแบ่งจ่ายให้กับพวกเราบ้าง ซึ่งผมเองยังไม่ได้เลยแม้แต่บาทเดียว นักแสดงบางท่านอาจจะได้ไปบางส่วน แต่หลายท่านผมไม่ทราบ แต่ในส่วนผม ผมรู้สึกว่า มันไม่ค่อยยุติธรรมกับผมรึป่าว ถึงแม้บทที่ผมได้รับมันอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมาก บทเล็กๆ แต่เราก็ทำงานมาในฐานะของคนทำงานดีที่สุด รับผิดชอบของเราดีที่สุด แล้วมันมาเรื่องแดงอีกทีคือวันที่ 3 เมษา หนังสือพิมพ์ได้ออกข่าวว่ามีผู้จัดละครเรื่องซ่ารังเฮโย เบี้ยวค่าตัวนักแสดง ผู้กำกับและทีมงานทั้งหมด กว่า 2 ล้านบาท ที่ผมอ่านข่าวเห็นเป็นชื่อคนเดียวกับกับหุ้นส่วนคนแรก เป็นคนจ่ายเช็กเด้งผมนี่แหละ เป็นคนที่ติดต่อผมมาแสดงด้วย ก็หนีไปไม่รับผิดชอบใดๆ ไปเบี้ยวค่าตัวนักแสดงเหล่านั้นอีก ตอนนี้ได้คุยกับทางเขาบ้างไหม ? บี๋ : ได้คุย ติดต่อไปแล้วครับ พยายามติดต่อ แต่ก็ไม่รับโทรศัพท์ ผมเคยโทรไปหาคุณแม่เขา ว่าได้รู้พฤติกรรมของลูกคุณรึป่าวว่าลูกทำอะไร ทำความเดือดร้อนให้กับพวกเรา มากมายขนาดไหน พวกเรายังไม่ได้เงิน ทีมงาน ตากล้องก็ยังไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว แล้วก็ทางหุ้นส่าวนคนที่ 2 ก็พยายามติดต่อเจรจาแล้วนะครับว่ามีอะไร มาคุย มาชดใช้กัน แสดงความรับผิดชอบกับพวกเราหน่อย แต่ว่าก็โดนปฏิเสธตลอด ก็รอเรื่องถึงทางกระบวนการยุติธรรมกันอยู่ ก็เห็นฟ้องร้องกันอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว นักแสดงทีมงานจะมีการรวมตัวยื่นเรื่องอะไรกันไหม คิดไว้รึยัง ? กอล์ฟ : จริงๆ ก็ยังนะ ต่างคนก็ต่างทำงานต่อไปไม่ได้มาจมกับเรื่องเดียวอยู่แล้ว ก็เลยยังไม่ได้มีโอกาสได้เจอกัน ที่ได้คุยกันทั้งหมดยังไม่มี เรียกว่ายังไม่มีแนวโน้มว่าจะมาเจอกัน บี๋ : ต่างคนก็ต่างทำงาน น้องๆ นักแสดงหลายท่านก็มีหน้าที่ของตัวเองไป แต่ว่าวันนี้ก็มีโอกาสได้มาเจอกอล์ฟก็ได้พูดคุยกัน ในส่วนนี้ กอล์ฟ ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าพี่บี๋ยังไม่ได้เลย กอล์ฟโดน 2 ล้าน บี๋ : กอล์ฟได้บางส่วนไปแล้วใช่ไหม กอล์ฟ ไม่ค่ะ กอล์ฟได้บางส่วนตอนถ่ายทำ ก็คือเอามาถ่ายทำจนเสร็จ แต่ว่าค่ากล้องค่าไป ค่าตัวทีมงาน อีก 2 ล้านยังไม่ได้ จะดำเนินคดีกับเขาไหม ? บี๋ : ตรงนี้เป็นหน้าที่ของกระบวนการที่เราต้องดำเนินคดีกับเขาอยู่แล้ว เราขอทวงความเป็นธรรมกลับมาเถอะ เพราะว่าคุณมาทำอย่างนี้เราเดือดร้อน หลายๆ ชีวิตก็เดือดร้อน แล้วก็วงการบันเทิงไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณจะมาทำมาหากิน มาโกง มาหลอกลวง หลอกให้ทุกคนมาทำงานให้คุณฟรี แล้วคุณก็หนีไปโดยที่ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย ตอนนี้อยู่ขั้นไหนแล้ว ? บี๋ : ในส่วนของผมคดีตั้งแต่ปี 57 แล้ว เรื่องอยู่ที่ สน.บางนา จนปีนี้ 58 เมษาเรื่องก็อยู่ที่ สนบางนา ผมว่าคงต้องไปเรียนถามทางเจเหน้าที่ตำรวจ ท่านรองนภดล ท่านเพิ่งได้รับเรื่องเมื่อ 4 อาทิตที่แล้วว่าเป็นยังไงบ้าง ทำไมคดีเรื่องนี้มันช้าเหลือเกินทั้งที่หลักฐานมันก็มีอยู่ แต่แจ้งล่าสุดว่ามีสงฟ้องทางอัยการ ตอนนี้หวังว่าจะได้เงินไหม ? บี๋ : ถามว่าคาดหวังไหม(หัวเราะ) ตราบใดที่มีลมหายใจเราก็คาดหวังเนาะ เราทำอะไรแล้วแต่ แต่หวังว่างานที่เราได้ทำไปทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็คงจะได้ก็คิดว่าอยากจะให้คู่กรณีมาเคลียร์เงินซะ ว่าเป็นยังไง ความเดือดร้อน มันเดือดร้อนกันจริงๆ ถ้าเราทำงานเราไปเปิดร้านิอาหารแล้วเราเจ้งด้วยตัวเราเอง เรายินดรที่จะรับผิดตรงนั้นด้วยตัวเราเอง แต่ถ้าเราโดนเบี้ยว โดนโกง โดนปัดความรับผิดชอบ มันเหมือนเราโดนปล้น บทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ได้ทางช่อง 2 ทุกวันจันทร์-ศุกร์เวลา 10.30/14.00/20.00น. เสาร์-อาทิตย์10.30/14.30/19.30 และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/thaich2

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ