จับกุมงาช้างแอฟริกา จำนวน 511 กิ่ง น้ำหนัก 3,127 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท (6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ข่าวทั่วไป Tuesday April 28, 2015 15:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--กรมศุลกากร วันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2558 เวลา 11.00 น. พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานกำกับนโยบายคณะกรรมการอนุสัญญาไซเตสประจำประเทศไทย และนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับนโยบายการปฏิบัติราชการกรมศุลกากร ร่วมกับ ดร.สมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธานแถลงข่าวกรมศุลกากรจับกุมงาช้างแอฟริกา จำนวน 511 กิ่ง น้ำหนัก 3,127 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท (6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่บรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์หมายเลข FCIU5235796 บรรทุกมากับเรือ RHL FELICITAS เที่ยววันที่ 25 เมษายน 2558 โดยตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวแจ้งขนส่งนำสินค้าเข้าโรงพักสินค้าของบริษัทท่าเรือกลุ่มกรีนสยาม (B2) เพื่อรอผ่านพิธีการศุลกากรผ่านแดนไป สปป.ลาว สำแดงชนิดสินค้าเป็น ใบชา จำนวน 11,000 กิโลกรัม ต้นทางบรรทุกจากประเทศเคนยา ทวีปแอฟริกา กรมศุลกากรได้มอบหมายให้สำนักสืบสวนและปราบปรามสืบสวนเส้นทางการลักลอบที่ได้รับจากสายข่าวอย่างต่อเนื่อง อันสืบเนื่องจากการจับกุมครั้งที่ผ่านมาและจากการใช้เทคโนโลยีการติดตามตู้คอนเทนเนอร์ประกอบกับได้รับแจ้งจากบริษัท อินโดจีน อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ถูกระบุในใบตราส่งว่าเป็นผู้ขนส่งผ่านแดน ที่แจ้งว่าบริษัทตนเองไม่เคยได้รับการติดต่อหรือว่าจ้างจากบริษัท SOUPHA SONG IMPORT-EXPORT จำกัด สปป.ลาว อันเป็นข้อพิรุธจึงมาแจ้งให้กรมศุลกากรทราบ เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและปราบปรามจึงใช้เทคโนโลยี TRACKING ตู้คอนเทนเนอร์เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหว พบว่า ตู้ดังกล่าวได้มีการนำไปบรรทุกสินค้าที่เมือง Mombasa ประเทศเคนยา เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2558 และนำลงเรือชื่อ CAPE MOSS เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2558 เดินทางผ่านท่าเรือโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา และท่าเรือพอร์ท กลัง ประเทศมาเลเซีย และถูกนำขึ้นไว้ที่ท่าเรือสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2558 และถูกย้ายลำมายังประเทศไทย โดยเรือ RHL FELICITAS เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2558 มาถึงประเทศไทย ณ ท่าเรือแหลมฉบัง วันที่ 25 เมษายน 2558 โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 19 วัน จากท่าต้นทาง เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและปราบปรามที่ได้เฝ้าติดตามตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมจนเป็นผลสำเร็จ สินค้างาช้างแอฟริกาจำนวนดังกล่าว ที่ได้ถูกยึดเป็นของกลาง ตามความผิดมาตรา 38, 99 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบกับ มาตรา 16, 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482, มาตรา 58/1 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469, มาตรา 23 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ซึ่งงาช้างเป็นสินค้าต้องห้ามผ่านประเทศ ตามอนุสัญญาไซเตสว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ การจับกุมของกรมศุลกากรในครั้งนี้ เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่ให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ปราบปรามการกระทำความผิดให้เข้มงวดในการปราบปรามซึ่งสินค้าตามอนุสัญญาไซเตส และกรมศุลกากรได้กำหนดมาตรการต่างๆ ที่จะปราบปรามซึ่งสินค้าต้องห้ามที่มีการผ่านแดนโดยกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งสินค้าดังกล่าว โดยใช้งานการข่าวและเทคนิคการสืบสวนด้วยเทคโนโลยี และถือว่าเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเป็นครั้งที่สองในเวลาเพียง 7 วัน โดยข้อมูลและจากการสืบสวนสอบสวน เชื่อว่า งาช้างเหล่านี้เมื่อผ่านแดนไป สปป.ลาว แล้วจะมีการจำหน่ายให้กับกลุ่ม ผู้ซื้อในประเทศจีน, เวียดนาม และไทยต่อไป อนึ่ง ในปี 2557 กรมศุลกากรจับกุมงาช้างไปแล้ว จำนวน 11 คดี รวมจำนวนโดยประมาณ 50 ชิ้น น้ำหนักรวม 103.27 กิโลกรัม มูลค่า 19,688,154 บาท และในรอบปี พ.ศ. 2558 จับกุมจำนวน 3 คดี รวมจำนวนโดยประมาณ 1,302 ชิ้น น้ำหนักรวม 2,079.25 กิโลกรัม มูลค่า 205,000,000 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ