กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--Worklink PR
BEAUTY โชว์ฟอร์มเยี่ยม เผยผลประกอบการไตรมาส1/2558 รายได้-กำไรอู้ฟู่ กวาดรายได้ 364.47ล้านบาท เติบโตกว่า 30.47% กำไรแจ่ม 76.00 ล้านบาท เติบโต 45.41% เป็นผลจากการเติบโตของสาขาเดิมและสาขาใหม่ อีกทั้งได้รับอนิสงค์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เข้าประเทศเพียบ ดันยอดสาขาเดิมและสาขาใหม่พุ่งพรวด ประกาศดีเดย์วันที่ 14 พ.ค. 58 จ่อแตกพาร์จาก 1.00 บ. เป็น 0.10 บ. เพื่อเพิ่มสภาพคล่องหุ้น
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2558 ว่า บริษัทมีผลประกอบการที่โดดเด่นทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 364.47 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 279.36 ล้านบาท จำนวน 85.11 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.47% และมีกำไรสุทธิ 76.00 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 52.27 ล้านบาท จำนวน 23.74 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 45.41 %และมีอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมที่มีอยู่ (Same Store Sale Growth ) เป็นบวกถึง 17%
โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลประกอบการของ BEAUTY เติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากผลิตภัณฑ์ของ แบรนด์BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE และ BEAUTY MARKET ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ เช่น จีน ฮ่องกง และตะวันออกกลาง ที่เริ่มกลับมาในประเทศ เพื่อซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยสาขาในเมืองท่องเที่ยวของบริษัทมียอดขายเติบโตทุกสาขา ส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม
ขณะที่กลุ่มลูกค้าคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มไฮเอนด์ ได้เริ่มหันมาใช้สินค้าของบริษัททดแทนสินค้า แบรนด์เนมในบางรายการ ส่งผลให้บริษัทสามารถทำผลการดำเนินงานได้ดี สวนกระแสเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว
รวมทั้งเติบโตจากการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากถึง 306 สาขาในปัจจุบัน และตามแผนงานที่บริษัทได้วางไว้ว่าปีนี้ บริษัทจะเพิ่มจำนวนสาขา BEAUTY BUFFET 30 สาขา, BEAUTY COTTAGE 15 สาขา ,BEAUTY MARKET 10 สาขา และเพิ่มสาขาในตลาดต่างประเทศอีก 12 สาขา จากปัจจุบัน 22 สาขา กระจายอยู่ในเวียดนาม 12 สาขา กัมพูชา 6 สาขา ลาว 2 สาขา และพม่า 2 สาขา โดยการขยายสาขาต่างประเทศ จะเป็นลักษณะตัวแทนจำหน่าย สำหรับเป้าหมายในปีนี้บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีที่ผ่านมาที่ทำรายได้กว่า 1,385 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม 2558 บริษัทเตรียมจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงจำนวน และมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) ของบริษัทจากเดิมราคาพาร์ 1 บาทต่อหุ้น เป็นราคาพาร์ 0.10 บาทต่อหุ้น หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2558 มีมติอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนหุ้นสามัญเพิ่มขึ้นจากเดิม 300 ล้านหุ้น เป็นจำนวน 3,000 ล้านหุ้น จึงถือเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้น
“การเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จาก 1 บาท เป็น 0.10 บาท เนื่องจากบริษัทต้องการให้หุ้นมีสภาพคล่องสูงขึ้นจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นและราคาหุ้นที่ลดลง เพื่อดึงดูดนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัท และช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย โดยไม่มีผลกระทบในแง่ Price Dilution และ Control Dilution รวมถึงไม่ทำให้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นเปลี่ยนไป”นายแพทย์สุวินกล่าว