เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ออกแถลงการณ์เสนอ 3 มาตรการ สั้น -กลาง-ยาว ควบคุมราคารพ.เอกชน ระบุ ภายใน 72 ชั่วโมงห้ามเก็บมัดจำ เสนอ นายกฯใช้มาตรา 44 ยุบแพทยสภา พร้อมผลักดัน พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการทางสาธารณสุข

ข่าวทั่วไป Monday May 18, 2015 10:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--Progress Thailand แถลงการณ์ เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากเครือข่ายฯ ได้ยื่น 3.3 หมื่นชื่อของประชาชนที่สนับสนุนให้ตั้ง “คณะกรรมการควบคุมราคารพ.เอกชน” ต่อท่านโดยผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา เครือข่ายฯ ขอขอบพระคุณที่ท่านได้ให้ความสำคัญและใส่ใจทุกข์สุขของประชาชน ด้วยการสั่งการไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งแก้ไขปัญหา จนนำไปสู่การออก 3 มาตรการ ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ของกระทรวงสาธารณสุขแล้วนั้น จาก 3 มาตรการดังกล่าว เครือข่ายฯ ขอเสนอเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ มาตรการระยะสั้น ภายใน 1 เดือน กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน 1. ภายใน 72 ชั่วโมง ห้ามรพ.เอกชนเรียกเก็บค่ามัดจำ หรือให้คนไข้หรือญาติเซ็นรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล 2. เมื่อพ้น 72 ชั่วโมง ให้รพ.เอกชนส่งตัวคนไข้ไปรพ.ตามสิทธิ โดยห้ามให้คนไข้หรือญาติสำรองจ่าย หรือเซ็นรับสภาพหนี้ 3. ในกรณีที่รพ.ตามสิทธิเตียงเต็ม ให้หน่วยงานต้นสังกัด 3 กองทุนคือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, สำนักงานประกันสังคม และกรมบัญชีกลาง ดำเนินการหาเตียงให้กับคนไข้ หากหาเตียงไม่ได้จำเป็นต้องอยู่รพ.เอกชนต่อไป ให้ทั้ง 3 กองทุนรับผิดชอบค่าใช้จ่าย 4. ให้มีบทลงโทษหากมีการไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 และ 2 5. ให้ประกาศรูปแบบใบยินยอมให้รักษา ของทุกโรงพยาบาลให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั้งประเทศ ให้แยกใบยินยอมให้รักษา กับใบรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ออกจากกัน มาตรการระยะกลาง 1. ให้ใช้ม.44 ยุบบอร์ดแพทยสภาที่มาจากการเลือกตั้งชุดปัจจุบัน แล้วเลือกคนกลางที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเข้าไปเป็นกรรมการ โดยคงคณะกรรมการโดยตำแหน่งเอาไว้ 2. ให้ปกป้องสวัสดิภาพของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน ด้วยการผลักดันร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ. ให้มีผลบังคับใช้ในเร็ววัน เพื่อลดปัญหาการฟ้องร้องระหว่างหมอกับคนไข้ มาตรการระยะยาว 1. ให้เร่งยกระดับมาตรฐานรพ.รัฐบาล ให้มีเตียงและอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเพียงพอ 2. เพิ่มความมั่นคงให้กับบุคลากรทางการแพทย์รพ.รัฐบาล ทั้งค่าตอบแทนและการให้ทุนเรียนต่อเฉพาะทางอย่างเพียงพอ เพื่อรักษาบุคลากรเอาไว้ในระบบ 3. ให้แก้ไขพ.รบ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ให้คนนอกเข้าไปเป็นกรรมการแพทยสภาในสัดส่วน 50:50 เพื่อความเป็นธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้และเป็นธรรมต่อประชาชน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ