บล.โกลเบล็ก ชี้ ดัชนีหุ้นไทยยังแกว่งตัวในกรอบแคบ ลุ้นปัจจัยบวกหนุนหุ้นขึ้น แนะ กลุ่มอาหาร -อิเล็คทรอนิคส์-รับเหมา

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 27, 2015 14:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บล. โกลเบล็ก ลุ้นหุ้นไทยยังทรงตัวในกรอบแคบ แนะกลยุทธ์การลงทุนลงทุนสะสมหุ้น ในกรอบแนวรับที่ 1,460 – 1,480 จุด ชู กลุ่มอาหาร ,อิเล็คทรอนิคส์ ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้รับอานิสงส์จากบิ๊กโปรเจ็กต์ของรัฐบาล และกลุ่ม Finance (เช่าซื้อ) ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ส่วนกลยุทธ์ลงทุนทองแนะสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series เมื่อยื่นเหนือแนวรับ 1,175 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และ Cut Loss ทันทีเมื่อหลุดแนวรับ น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,460-1,480 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ๆสนับสนุน อีกทั้งยังมีปัจจัยลบกดดัน อาทิ ความกังวลการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซต่อ IMF ราว 1,600 ล้านยูโรในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งกรีซยอมรับว่าไม่มีเงินเพียงพอซึ่งต้องรีบเจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้ เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่ รวมทั้งความกังวล FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยความกังวลในเรื่องของ NPL และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กดดันต่อ NIM ของกลุ่มธนาคาร รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจน 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลลงมา อย่างไรก็ตามมีสัญญาณบวกจากนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาลงทุนต่อเนื่องในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าราว 7.3 พันล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลเร่งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ครม.เห็นชอบยุทธ์ศาสตร์ร่วมทุน ระหว่างภาครัฐ และเอกชน เป็นระยะ 5 ปี ในวงเงินที่ระดับ 1.41 ล้านล้าน โดยเน้นให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมไฟเขียวบันทึกความร่วมมือกับญี่ปุ่น ศึกษาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และยังมีมติอนุมัติโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่หลายรายการ อาทิ รถไฟ 3 เส้นทางกับญี่ปุ่น โครงการท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนปัจจัยน่าจับตาในต่างประเทศ คือ การเปิดเผยตัวเลขของผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือนเมษายน สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และประมาณการครั้งที่ 2 GDP ในไตรมาส 1/2558 และญี่ปุ่นจะมีการแจ้งตัวเลขยอดค้าปลีกเบื้องต้นเดือนเมษายน พร้อมข้อมูลการนำเข้า-ส่งออก ส่วนปัจจัยในประเทศ การรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนของ ธปท. ร่วมทั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นัดประชุมใหญ่ เพื่อเตรียมลงพื้นที่เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด แนะนำกลยุทธ์การลงทุน หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ย่อตัวลงมาใกล้เขต Oversold แล้ว 30%จึงให้รอเข้าซื้อช่วงอ่อนตัวบริเวณ 1,460 – 1,480 จุด โดย Selective Buy กลุ่มที่มีประเด็นบวกรองรับ เช่น กลุ่มอาหาร , อิเล็คทรอนิคส์ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้รับอานิสงส์จากบิ๊กโปรเจ็กต์ของรัฐบาล และกลุ่ม Finance (เช่าซื้อ) ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธพ. ด้านนักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ ประเมินแนวโน้มการลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้ว่า ราคาทองคำปรับตัวลงตามเงินยูโรที่อ่อนค่าลง เนื่องจากความกังวลเรื่องกรีซที่หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้ก่อนวันที่ 5 มิถุนายน และกรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้กับ IMF มูลค่า 305 ล้านยูโร นอกจากนี้เงินยูโรอ่อนค่าลงต่อหลัง ECB เตรียม front load โครงการซื้อสินทรัพย์หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงเดือนพฤษภาคม และมิถุนายนเพื่อหนุนสภาพคล่องที่คาดว่า จะปรับตัวลดลงในช่วงวันหยุดฤดูร้อนกลางปีนี้ สำหรับสหรัฐเองหลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในปีนี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งล่าสุดข้อมูลเศรษฐกิจสดใสจากรายงานยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 6.8% ในเดือนเมษายน จากดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนมีนาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 95.4 ในเดือนพฤษภาคม ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและหนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐมากขึ้น สร้างแรงหนุนต่อเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำ โดย แนะนำเปิดสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series หากปรับลงไม่ต่ำกว่าแนวรับ 1,175 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และหากราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,175 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ให้ Cut Loss หรือกลับมาเปิดสถานะ Short Gold Futures แทน โดยให้แนวต้าน 1,210 เหรียญต่อทรอยออนซ์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ