คอหวยเฮไม่สุดยังไม่เชื่อราคาคู่ละ 80 บาท

ข่าวทั่วไป Friday May 29, 2015 15:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 พ.ค.--วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโส,อาจารย์พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช ประธานกรรมการ,ดร.พิสิฐ พฤกษ์สถาพร กรรมการรองผู้อำนวยการ และอาจารย์วัฒนา บุญปริตร กรรมการรองผู้อำนวยการ สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ระดับอุดมศึกษาร่วมแถลงผลสำรวจ ความคิดเห็นต่อราคาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ประเด็นกรณีปัญหาการราคาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลยังเรื้อรัง ล่าสุดรัฐบาลจัดระบบโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลใหม่และกำหนดให้การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในงวดวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558 นี้ต้องจำหน่ายในราคาคู่ละ 80 บาท ซึ่งมาตรการดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมว่าเป็นวิธีการที่แก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ ขณะเดียวกันผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเองโดยเฉพาะผู้จำหน่ายรายย่อยได้ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมและให้ช่วยปัญหาที่เกิดจากการรับสลากกินแบ่งรัฐบาลมาจำหน่ายในราคาที่แพงด้วยเช่นกัน จากประเด็นดังกล่าว สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นต่อปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพและปริมณฑล โดยได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 23 ถึง 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,160 คนสามารถสรุปผลได้ดังนี้ ในด้านข้อมูลทางประชากรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 51.38 ขณะที่ร้อยละ 48.62 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 25 ถึง 34 ปีและ 35 ถึง 44 ปีซึ่งคิดเป็นร้อยละ 28.88 และร้อยละ 25.95 ตามลำดับ นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 33.1 จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี และสำหรับอาชีพปัจจุบันกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นลูกจ้าง/พนักงานในห้างร้านหรือบริษัทเอกชนคิดเป็นร้อยละ 29.66 และข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจคิดเป็นร้อยละ 25.78 ในด้านพฤติกรรมการติดตามข่าวสารเกี่ยวกับปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 53.19 ระบุว่าตนเองให้ความสนใจติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลของรัฐบาลปัจจุบันบ้างเป็นบางช่วง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 28.88 ให้ความสนใจติดตามโดยตลอด ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 17.93 ยอมรับว่าตนเองไม่ได้ให้ความสนใจติดตามเลย โดยที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 47.24 มีความคิดเห็นว่าปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงไม่ได้เป็นปัญหาที่ต้องทำการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 40.95 ระบุว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบทำการแก้ไข ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 11.81 ไม่แน่ใจ ในด้านความคิดเห็นต่อปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพง กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 70.52 เชื่อว่ามีกลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังในการหาผลประโยชน์ต่างๆจนส่งผลให้ราคาจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลสูงขึ้นมาก ในด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับการกำหนดให้มีการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาคู่ละ 80 บาท กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 67.84 มีความคิดเห็นว่าหากบังคับให้มีการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาคู่ละ 80 บาท สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจำเป็นต้องลดราคาต้นทุนในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับผู้ขายมากขึ้นกว่าที่กำหนด ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 63.97 มีความคิดเห็นว่าหากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับผู้ขายรายย่อยโดยตรงโดยไม่ผ่านคนกลางจะช่วยแก้ไขปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงได้ แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 64.74 มีความคิดเห็นว่าหากบังคับให้มีการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาคู่ละ 80 บาทจะไม่ส่งผลให้มีผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น และกลุ่มตัวอย่างถึงเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 65.95 มีความคิดเห็นว่าหากบังคับให้มีการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาคู่ละ 80 บาทจะส่งผลกระทบให้ผู้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยมีรายได้ลดลง นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 63.62 ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกรางวัลรวมแจ๊คพอตโดยให้เพิ่มรางวัลที่หนึ่งจากคู่ละ 4 ล้านบาทเป็น 6 ล้านบาทแทน ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 46.55 ไม่เชื่อว่าจะสามารถซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาคู่ละ 80 บาททั่วประเทศได้ภายในงวดวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558 นี้ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 41.29 เชื่อว่าจะสามารถซื้อได้ ส่วนกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 53.97 มีความคิดเห็นว่าการเอาผิดทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินกว่าราคาที่กำหนดจะช่วยแก้ไขปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงได้ และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่แต่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 49.14 เชื่อมั่นว่าปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงจะได้รับการแก้ไขให้หมดไปได้จริงภายในรัฐบาลปัจจุบัน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 40.34 ไม่เชื่อ และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 10.52 ไม่แน่ใจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ