กรุงเทพ--9 ก.ค.--กปส.กทม.
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เมื่อวานนี้ (8 ก.ค.40) ดร.พิจิตต รัตตกุล ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกทม.ว่า วันนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเร่งรัดการใช้งบประมาณให้ทันเวลา ซึ่งส่วนใหญ่จะติดขัดด้านการเวนคืนที่ดินของเอกชน ทำให้เกิดความล่าช้า ในการนี้จึงได้มีการลดขั้นตอน โดยที่ประชุมได้อนุมัติให้สำนักการโยธาและสำนักการระบายน้ำ กทม. ยืมเงินสะสมจากสำนักการคลัง กทม.ได้ โดยเฉพาะสำนักการโยธาสามารถยืมเงินสะสมสำหรับชดใช้เป็นเงินค่าเวนคืนที่ดินแก่ประชาชน โดยประชาชนไม่ต้องรอเวนคืนถึง 150 วันทำให้กทม.เข้าใช้ประโยชน์จากที่ดินได้เร็วขึ้น
ส่วนในเรื่องคลองหัวกระบือ ซึ่งเป็นคลองระบายน้ำจากทิศเหนือสู่ทิศใต้นั้น นายประเสริฐ สมะลาภา ปลัดกทม.กล่าวว่า คณะผู้บริหารกทม.มีความกังวลใจมากเกี่ยวกับเรื่องราคาที่ดิน เพราะหากกทม. ซื้อที่ดินโดยไม่มีการไตร่ตรองให้รอบคอบจะทำให้เกิดข้อครหาได้ กล่าวคือ ที่ดินจำนวน 55 แปลง มีราคาตั้งแต่กว่าล้านบาทถึง 4 ล้านบาท ในการนี้ที่ประชุมมีความเห็นพ้องกันว่าราคาที่ดินจำนวน 2.5 ล้านบาท/ไร่ อยู่ในวิสัยที่กทม.จะซื้อได้ นอกจากนี้ยังมีอีก 7 รายที่ราคาที่ดินเกินกว่า 2.5 ล้านไม่มาก ซึ่งกทม.จะเชิญเจ้าของที่ดินมาเจรจาต่อรองราคาอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงทำสัญญาซื้อขายเพื่อดำเนินการขุดคลองหัวกระบือ
ทางด้าน รศ.ญาณเดช ทองสิมา รองผู้ว่าราชการกทม. กล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่ กทม. ได้อนุมัติให้เอกชนก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสารจำนวน 600 หลัง จะหมดสัญญาเร็วๆ นี้ ในการนี้ได้ให้กองจราจรและขนส่ง กทม.ร่าง TOR ขึ้นใหม่ และประกาศให้เอกชนผู้สนใจเข้ายื่นประกวดราคา โดยคำนึงถึงความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความคงทน และประโยชน์ใช้สอยเป็นเกณฑ์ ซึ่งในการยื่นประมูล ภาคเอกชนจะต้องเสนอแบบ เงื่อนไข ผลประโยชน์ที่จะมอบให้กับกทม. โดยผู้ได้รับสัมปทานศาลาที่พักผู้โดยสารจะมีรายได้ตอบแทนจากพื้นที่โฆษณาประมาณ 6 ปี ส่วนศาลาที่พักผู้โดยสารที่สร้างโดยงบประมาณของกทม. ส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างดี ซึ่งกทม.จะได้มีการเพิ่มให้เพียงพอกับความต้องการและการขยายตัวของเมืองต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาถึงการอนุมัติเดินทางไปศึกษาดูงาน ณ ต่างประเทศ ซึ่งผู้ว่าราชการกทม. ได้ขอให้คณะกรรมการชุดที่ได้แต่งตั้งไว้แล้ว ไปตั้งเกณฑ์หรือพิจารณาร่างระเบียบว่าทำอย่างไร จึงจะลดจำนวนการเดินทางให้น้อยลง แม้ว่าการเดินทางดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคลากรของกทม. ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนองนโยบายในด้านการรัดเข็มขัดของรัฐบาล รวมทั้งระเบียบดังกล่าวจะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต โดยขณะนี้จะไม่อนุมัติงบประมาณของกทม.ในการเดินทางไปต่างประเทศ ยกเว้นโครงการที่มีสัญญาผูกพันกับบริษัทว่าจ้างซึ่งเป็นคู่สัญญากับกทม. และทุนการศึกษาต่อหรือที่เรียกว่าทุนช้าง
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมในเรื่องการสร้างวินัยให้ข้าราชการประหยัดว่า ตนได้กำชับ ไปยังทุกหน่วยงานขอให้กวดขันข้าราชการทุกคน ใช้รถ ใช้น้ำมัน โทรศัพท์ ค่าไฟฟ้า และประปาของทางราชการ และที่บ้านอย่างประหยัดด้วย--จบ--