ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท “บ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์” ที่ระดับ “BBB/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 12, 2015 16:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB+” และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปชำระหนี้หุ้นกู้เดิมของบริษัทซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนกรกฎาคม 2558 โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตในระดับปานกลางสำหรับธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ตลอดจนการมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพียงพอในธุรกิจเรือขนส่งสินค้าและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง และการมีธุรกิจที่มีความหลากหลาย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง รวมถึงความเสี่ยงและผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างสั้นในการซื้อกิจการ และแนวโน้มภาระหนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ อันดับเครดิต ตราสารหนี้มีระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรอยู่ 1 ขั้นเนื่องจากบริษัทถูกคาดว่าจะมีอัตราส่วนหนี้มีหลักประกันต่อสินทรัพย์รวมสูงกว่า 20% จากค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนขนาดใหญ่ซึ่งวางแผนไว้ในระหว่างปี 2558-2559 แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าธุรกิจเรือขนส่งสินค้าและธุรกิจบริการนอกชายฝั่งจะสามารถรองรับความผันผวนของอุตสาหกรรมได้ในระยะปานกลาง และคาดว่าบริษัทจะซื้อกิจการใหม่เพิ่มเติมในขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางธุรกิจเดิมเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% และรักษาอัตราส่วนภาระหนี้ต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในระดับต่ำกว่า 4 เท่าในระยะปานกลาง อันดับเครดิตหรือแนวโน้มของบริษัทอาจจะถูกพิจารณาปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นอ่อนแอกว่าที่คาดเป็นระยะเวลานาน ในขณะที่ โอกาสในการปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้นนั้นมีจำกัดเนื่องจากแนวโน้มตลาดที่ยังอ่อนแอ บริษัทโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ เป็นบริษัทลงทุนในธุรกิจหลัก 4 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกอง ธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลและขุดเจาะนอกชายฝั่งสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายปุ๋ยในประเทศเวียดนาม และธุรกิจซื้อขายถ่านหิน โดยบริษัทมีรายได้ ณ สิ้นปีบัญชีในเดือนกันยายน 2557 อยู่ที่ 2.14 หมื่นล้านบาท และมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท ธุรกิจบริการนอกชายฝั่งมีสัดส่วนคิดเป็น 60% ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ในขณะที่ธุรกิจเรือขนส่งสินค้ามีสัดส่วนคิดเป็น 28% บริษัทก่อตั้งในปี 2525 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2538 ณ เดือนมีนาคม 2558 ตระกูลมหากิจศิริมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นประมาณ 28% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ยาวนานในธุรกิจเรือขนส่งสินค้าและธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง โดย ณ เดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจำนวนประมาณ 42 ลำ ในจำนวนนี้ 24 ลำเป็นเรือที่บริษัทเป็นเจ้าของ และอีก 18 ลำเป็นเรือที่บริษัทเช่ามา ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ค่อนข้างผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงของค่าระวางเรือ อย่างไรก็ตาม ความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานในตลาดเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2556 ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายธุรกิจเรือขนส่งสินค้าที่เป็นเงินสดต่อวันของบริษัทเริ่มปรับตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ปี 2555 จากผลของการปรับมาตรฐานกองเรือให้ใกล้เคียงกัน รวมถึงจากการมีจำนวนเรือใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น และนโยบายการบำรุงรักษาเรือ สถานะของธุรกิจบริการนอกชายฝั่งสะท้อนถึงผลงานในอดีตและผลการดำเนินงานที่ปรับดีขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาของ บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) โดย ณ เดือนมีนาคม 2558 บริษัทถือหุ้นในบริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ คิดเป็นสัดส่วน 57.8% โดยที่บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ เป็นเจ้าของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลจำนวน 12 ลำ และเรือขุดเจาะแบบ Tender จำนวน 2 ลำ นอกจากนี้ บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ ยังมีบริษัทร่วมที่เป็นเจ้าของเรือขุดเจาะแบบ Jack-up อีกจำนวน 3 ลำด้วย ในช่วงปีที่ผ่านมา อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ ได้รับแรงกดดันจากต้นทุนไม่ผันแปรเนื่องจากเรือบางลำมีอัตราการใช้ประโยชน์ค่อนข้างต่ำ ทั้งนี้ เรือลำใหม่ที่บริษัทได้สั่งต่อไว้คาดว่าจะช่วยปรับเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์และอัตราค่าเช่าเรือรายวัน รวมทั้งอัตราส่วนกำไรและกระแสเงินสดในอนาคต ในส่วนของสถานะทางธุรกิจของบริษัทนั้นได้มีการพิจารณาถึงผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างสั้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และตำแหน่งของคณะผู้บริหารหลักในการกำหนดกลยุทธ์การซื้อกิจการและดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังพิจารณาถึงประโยชน์จากการที่บริษัทประกอบธุรกิจที่หลากหลายซึ่งน่าจะช่วยลดความผันผวนของกระแสเงินสดได้ด้วย ผลประกอบการของบริษัทอ่อนแอกว่าที่คาดในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 โดยมีสาเหตุหลักเกิดจากอัตราค่าระวางเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองที่ลดลงอย่างมาก สภาวะตกต่ำตามฤดูกรรมของธุรกิจการให้บริการด้านวิศวกรรมใต้ทะเล และการหยุดซ่อมบำรุงเรือวิศวกรรมใต้ทะเล 3 ลำที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท รายได้ของบริษัทลดลงเหลือ 4.6 พันล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 คิดเป็นลดลงประมาณ 7% เมื่อเทียบปีต่อปี บริษัทบันทึกผลขาดทุนจากการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 โดยอัตรากำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ลดลงเหลือ -7.9% เมื่อเปรียบเทียบกับอัตรากำไรที่ 12.9% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2557 ทริสเรทติ้งคาดว่าการดำเนินงานจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 เนื่องจากเรือวิศวกรรมใต้ทะเลทั้ง 3 ลำจะกลับสู่การดำเนินงานตามปกติ อย่างไรก็ตาม สภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอยาวนานอาจจะกดดันอัตราค่าระวางเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองให้อยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี ซึ่งอาจจะส่งผลให้ธุรกิจการขนส่งสินค้าแห้งเทกองของบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำก็อาจจะทำให้บริษัทสำรวจและผลิตน้ำมันปิโตรเลียมลดความต้องการของกิจกรรมทางด้านวิศวกรรมใต้ทะเลและการขุดเจาะลง ซึ่งทั้งสองปัจจัยดังกล่าว น่าจะส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัท และอาจจะมีผลกระทบในด้านลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้ ในเดือนมีนาคม 2558 บริษัทได้เสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right offering) ส่งผลให้ได้รับการเพิ่มทุนจำนวน 7.3 พันล้านบาท การเพิ่มทุนครั้งนี้ทำให้โครงสร้างทางการเงินของบริษัทนั้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเห็นได้จากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงเหลือ 27.2% ในเดือนมีนาคม 2558 จากประมาณ 31.2% ณ สิ้นเดือนธันวามคม 2557 อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินทุนใหม่จะถูกนำไปใช้สำหรับการควบรวมกิจการหรือการลงทุนใหม่ ๆ ของบริษัทในอนาคตซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนมีการปรับสูงขึ้นในอนาคต ในปี 2558-2560 ค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนทั้งหมดของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท โดยที่ประมาณ 2 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะเกิดขึ้นในปี 2559 สถานะทางการเงินยังได้พิจารณาถึงภาระหนี้ที่อาจปรับเพิ่มสูงขึ้นจากการที่บริษัทซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในระดับสูงสุดในช่วงปี 2559-2560 แต่คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 50% บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) อันดับเครดิตองค์กร: BBB+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: TTA157A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB TTA176A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561 BBB แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ