กรุงเทพฯ--3 ก.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
ตามที่มีรายงานข่าวปรากฏตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดสถานที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา ในระยะ 300 เมตรโดยรอบ ซึ่งคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ให้ความเห็นชอบร่างประกาศฯ นี้ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา และเตรียมที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป
เครือข่ายผู้ประกอบการ โดยการรวมตัวกันของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมโรงแรมไทย สมาคมผู้ประกอบการอาหาร สมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร สมาคมผู้ประกอบการไวน์ไทย และสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย ซึ่งประกอบด้วยบริษัทและร้านค้า มากกว่า 3,400 ราย มีความเห็นร่วมกันว่าร่างประกาศฯ ดังกล่าวมีความคลุมเครือ ยากต่อการตีความ ขาดการศึกษาถึงผลกระทบต่อภาคธุรกิจ การจ้างงาน ท่องเที่ยว และเศรษฐกิจโดยรอบ เพราะสถานที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มิได้มีเพียงแค่สถานบันเทิง และสถานบริการเท่านั้น แต่ยังมี ร้านค้าปลีก ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม แหล่งท่องเที่ยว สำนักงานของผู้ผลิต ผู้นำเข้า โรงงานผู้ผลิต อีกด้วย แต่กลับไม่มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยครบถ้วน จนอาจก่อให้เกิดปัญหาในการบังคับใช้ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจอย่างสุจริต และประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม อันเป็นการกำหนดเขตพื้นที่ห้ามประกอบกิจการนี้ไปโดยปริยาย กับทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาในการกำหนดพิกัดระยะ 300 เมตร ที่แน่นอนชัดเจน เพื่อการบังคับใช้ให้เป็นไปตามกฎหมายอีกด้วย
เครือข่ายผู้ประกอบการจึงกังวลเป็นอย่างยิ่งว่า ร่างประกาศฯ นี้ อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจและสังคมเป็นวงกว้าง อาทิ การเลิกกิจการของสถานบริการ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ บริษัท ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ภัตตาคาร ต้องเลิกจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือย้ายสถานที่ทำการ ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจและการดำเนินกิจกรรม ซึ่งจะนำมาสู่การเลิกจ้างพนักงาน ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่อตัวลูกจ้างแต่ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัวของพวกเขาด้วย โดยในเบื้องต้นคาดว่าทันทีที่กฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ จะมีพนักงานถูกเลิกจ้างมากกว่า 20,000 คน ยิ่งไปกว่านั้น ความไม่เป็นสากลของร่างประกาศฯ นี้ ยังทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่งผลเสียต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
ร่างประกาศฯ ดังกล่าว ยังเป็นมาตรการที่ไม่สามารถแก้ปัญหานักดื่มก่อนวัย อันเป็นต้นเหตุของปัญหาได้โดยตรง เพราะเป็นแค่การห้ามขาย ไม่ได้ห้ามดื่ม เด็กและเยาวชนผู้มีอายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ก็ยังคงสามารถหาซื้อจากช่องทางอื่นมาแอบดื่มในพื้นที่ห้ามขายได้ เครือข่ายผู้ประกอบการมีความเห็นว่ามาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้แก่เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นมาตรการที่ช่วยป้องกันเยาวชนในการเข้าถึงการบริโภคแอลกอฮอล์ได้ตรงประเด็นอยู่แล้ว และบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนก็มีความรุนแรงมากกว่า เพียงแต่ยังขาดความเข้มงวดในการบังคับใช้ และการสร้างจิตสำนึกแก่ผู้ขายและผู้ซื้อ
ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้ เครือข่ายผู้ประกอบการ จึงขอคัดค้าน ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดสถานที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา พ.ศ. .... และเรียกร้องให้มีการศึกษาผลกระทบ ตลอดจนการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน ก่อนที่จะมีการเสนอและออกกฎหมายที่เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้กฎหมายที่ออกมาสามารถลดและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างไม่เหมาะสม ได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ เครือข่ายผู้ประกอบการขอยืนยันและสนับสนุนนโยบายของรัฐเพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนจากการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยการกำหนดมาตรการที่เหมาะสม ถูกต้อง เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนความรู้ความเข้าใจแก่เครือข่ายธุรกิจในการช่วยลดอันตรายและความเสี่ยงจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เหมาะสม และพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ เพื่อแก้ไขปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระยะยาว โดยไม่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้ประกอบการที่สุจริตและประชาชนที่เลือกจะบริโภคอย่างรับผิดชอบและสร้างสรรค์