FPI รับส้มหล่น 2 เด้ง! ต้นทุนพลาสติกลด-บาทอ่อน หนุนรายได้ปี”58 โต 20%ตามเป้า-มาร์จิ้นขยับเพิ่มอีก 3% เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 70-80% หลัง Warehouse ใหม่สร้างเสร็จ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 8, 2015 13:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ก.ค.--IR network บมจ.ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) ฉายภาพแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี"58 สุดตระการตา อานิสงส์ต้นทุนพลาสติกลดตามราคาน้ำมัน-บาทอ่อน หนุนรายได้ปี"58 เติบโต 20% ตามเป้า มาร์จินเพิ่มอีก 3% เทียบกับปีที่ผ่านมา ด้านผู้บริหาร"สมพล ธนาดำรงศักดิ์"สั่งเดินหน้าขยายกำลังการผลิตเป็น 70-80% หลัง Warehouse ใหม่สร้างเสร็จ ลดค่าใช้จ่ายได้เพียบ! พร้อมรับออเดอร์ใหม่ลูกค้า ล่าสุดตนงานในมือกว่า 500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ภายใน 2 ปี นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมั่นใจว่ารายได้จะเติบโต 20% จากปีก่อนมีรายได้รวม 1,858 ล้านบาท และคาดว่ามาร์จินในปีนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาพลาสติกที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมัน และค่าเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ที่ 33-34 บาท/ดอลลาร์ ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 70-80% เมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรกใช้กำลังการผลิตเพียง 50-60% ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายคงที่ให้ลดลง 12% และผลักดันให้อัตรากำไรสูงขึ้น หลัง Warehouse สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้บริษัทสามารถผลิตได้ทั้ง 2 สายการผลิต โดยปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) เป็นการรับจ้างผลิตอยู่ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ภายใน 2 ปี "แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีนี้จะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ในแง่ของการเติบโตของบริษัทไม่ได้ชะลอตาม เนื่องจากบริษัทเน้นการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มค่อนข้างมาก ซึ่งจะทำให้มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ดีกว่าการรับจ้างผลิต (OEM) อีกทั้ง ยังมีการผลิตโมเดลใหม่ที่ให้มาร์จิ้นสูง"นายสมพลกล่าว ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากการรับจ้างผลิต 80% ขณะที่สินค้ามูลค่าเพิ่ม และการผลิตสินค้าโมเดลใหม่ มีสัดส่วนรายได้รวมกัน 20% ซึ่งสินค่ามูลค่าเพิ่มและโมเดลใหม่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 45% สูงกว่าการรับจ้างผลิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มอีกปีละ 5 สาขาภายใน 5 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างมองหาพันธมิตรร่วมทุนต่างประเทศ โดยสนใจประเทศตุรกี อินเดีย อเมริกา จีน และแม็กซิโก เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ และกระจายความเสี่ยงการลงทุน สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นในอนาคต ซึ่งล่าสุดมีพันธมิตร 2-3 รายสนใจติดต่อเข้ามา อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องของรูปแบบการลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ