กรุงเทพ--20 เม.ย.--บมจ.ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แถลงว่า หลังจากที่ธนาคารสรุปผลการขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมบัวหลวงทุนทวี (CAPS) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารได้ใช้สิทธิการขายเพิ่ม จนรวมยอดการขายหลักทรัพย์ทุนทวีในครั้งนี้ได้ถึง 46,000 ล้านบาท สูงกว่าจำนวนกำหนดเสนอขายที่ 40,000 ล้านบาท ไปถึงร้อยละ 15 เต็มตามสิทธิการขายเพิ่มเท่าที่จะทำได้
จากการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 75 มีการลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท และกว่าร้อยละ 90 ลงทุนไม่เกิน 20 ล้านบาท
การลงทุนแยกตามมูลค่าที่จองซื้อเป็นดังนี้ :-
- มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 74.65
- ระหว่าง 10 ถึง 20 ล้านบาท มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 16.60
- ระหว่าง 20 ถึง 50 ล้านบาท มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 6.42
- ระหว่าง 50 ถึง 100 ล้านบาท มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 1.25
- มูลค่าเกินกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 1.09
นอกจากนี้แล้ว จากการวิเคราะห์ตามประเภทผู้ลงทุน สรุปได้ว่าผู้ลงทุนใน CAPS มีความหลากหลายมาก
-ผู้ลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาได้มีการจองซื้อเกือบร้อยละ 70 ของจำนวนทั้งหมด ในจำนวนนี้เป็นผู้ลงทุนในเขตกรุงเทพมหานครร้อยละ 75 และในเขตต่างจังหวัดร้อยละ 25
- ผู้ลงทุนประเภทกองทุนรวม บริษัทประกันภัย และสถาบันการเงิน มีสัดส่วนการจองซื้อกว่าร้อยละ 10
- ผู้ลงทุนจากต่างประเทศได้ให้ความสนใจมากประมาณร้อยละ 6
คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวย้ำว่า ธนาคารมีความพอใจยิ่งต่อผลการขาย CAPS ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และน่าดีใจยิ่งขึ้นที่กลุ่มผู้ลงทุนมีลักษณะอันหลายหลากและมาจากงานที่กว้างขวาง ดังที่สรุปไว้ข้างต้น
คุณชาติศิริกล่าวว่า "ลักษณะของผู้ลงทุนเท่าที่เราประมวลได้ ทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าผู้ลงทุนมีความไว้วางใจและความเชื่อถือต่อธนาคารของเรา ที่หยั่งรากลงลึกและแผ่กว้างไพศาลอย่างทั่วถึง ทุกระดับและทุกวงเงินธุรกิจในสังคมไทย อีกทั้งยังสะท้อนถึงความโดดเด่น ของธนาคารกรุงเทพในสายตาของผู้ลงทุนชาวต่างชาติด้วย"
คุณชาติศิริกล่าวเสริมว่า เป็นที่น่ายินดีที่ผู้ลงทุนในเขตต่างจังหวัดให้ความสนใจ CAPS มาก และตัดสินใจลงทุนกันเป็นจำนวนมากด้วย "ผู้บริหารและทีมงานขายในเขตจังหวัดของเรา รายงานถึงความสนใจที่อบอุ่นยิ่งของลูกค้าต่างจังหวัดเข้ามาตลอด ซึ่งตัวผมเองรู้สึกประทับใจมากทีเดียว"
ภายหลังการจำหน่าย CAPS ธนาคารกรุงเทพ จะมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 13.7 คิดเป็นกว่า 3 เท่าตัวของสัดส่วนนั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง ก็จะมีเท่ากับร้อยละ 17.7 นับเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนของเงินกองทุน ทั้งชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงที่สุดแห่งหนึ่งในระบบธนาคารไทย
สัดส่วนหุ้นบุริมสิทธิควบหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ต่อเงินกองทุนชั้นที่ 1 ทั้งหมดเป็นร้อยละ 27.7 ซึ่งไม่เกินอัตราร้อยละ 33.3 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดเมื่อเร็วๆ นี้--จบ--