กรุงเทพ--27 มิ.ย.--ธปท.
ดังที่ทราบกันดีว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยได้สะสมปัญหาต่อเนื่องกัน มาหลายปี จนเป็นเศรษฐกิจฟองสบู่ ภาวะตกต่ำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ หลักทรัพย์ เป็นต้น ได้ส่งผลต่อการประกอบธุรกิจเงินทุน ทางการได้พยายามแก้ไข ปัญหา เริ่มแรกด้วยการสั่งให้บริษัทเงินทุนเพิ่มทุน ซึ่งปรากฎว่ามีบางบริษัทได้ดำเนิน การเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว และต่อมาได้ออกมาตรการจูงใจให้มีการควบและโอนกิจ การและได้มีการจัดกลุ่มบริษัทเงินทุนเพื่อควบและโอนกิจการ แต่เนื่องจากปัญหา อุปสรรคภายใต้กรอบกฎหมายปัจจุบัน ทำให้การควบและโอนกิจการไม่สามารถกระทำ ได้ตามความมุ่งหวัง ด้วยเหตุนี้ ทางการจึงได้ออกพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายเกี่ยวกับบริษัทเงินทุน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การควบและโอนกิจการ ตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ศกนี้
กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ขอชี้แจงว่า ตลอด ระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ทางการได้ตรวจสอบดูแลฐานะและการดำเนินงานของบริษัท เงินทุนต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ยังไม่ปรากฏว่ามีการฉ้อโกงหรือทุจริตบัญชี ดังกรณีที่ เกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีก่อน แต่บริษัทเงินทุนจำนวนหนึ่งประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง และ สินทรัพย์ด้อยคุณภาพตามภาวะตกต่ำของเศรษฐกิจ ซึ่งต้องมีวิธีการแก้ไขปัญหาโดยไม่ ทำให้ประชาชนผู้ฝากเงินที่สุจริตต้องเสียหาย และปฏิรูประบบสถาบันการเงินไปด้วย พร้อมกัน จึงได้กำหนดนโยบายและออกพระราชกำหนดให้มีสถาบันการเงินแกนที่จะ ได้รับสิ่งจูงใจอย่างเต็มที่ และจัดให้บริษัทเงินทุนที่อ่อนแอดำเนินการโอนกิจการ ไปรวมกับสถาบันการเงินแกน โดยก่อนที่จะไปรวมกับสถาบันการเงินแกน บริษัทนั้น จะต้องตัดทอนส่วนเสียหายออกเสียก่อน แล้วจึงโอนลูกหนี้ที่ยังสามารถดำเนินการ และประชาชนผู้ฝากเงินไปยังสถาบันการเงินแกน โดยวิธีการนี้สถาบันการเงินแกน จะรับลูกหนี้ที่ยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้มาเป็นลูกค้า ประชาชนผู้ฝากเงินจะโอนเปลี่ยน ไปเป็นผู้ฝากของสถาบันการเงินที่เข้มแข็งกว่า ซึ่งจะยกฐานะขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยยังคงได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืน ประชาชนผู้ฝากเงินจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับ ความคุ้มครองทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางการได้เร่งรัดให้บริษัทเงินทุนแก้ไขปัญหา ด้วยตนเอง และหาผู้ร่วมทุนที่เป็นสถาบันการเงินต่างประเทศ ซึ่งปรากฏว่ามี ความก้าวหน้าที่น่าพอใจ โดยบริษัทเงินทุนที่ได้เพิ่มทุนแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนิน การเพิ่มทุน จำนวน 26 บริษัท และมีสถาบันการเงินต่างประเทศเข้าร่วมถือหุ้นอีก 2 บริษัท จึงกล่าวได้ว่าบริษัทเงินทุนได้แก้ไขฐานะของตนเองได้แล้วจำนวนหนึ่ง แต่ยังมีบริษัทเงินทุนที่ไม่สามารถเพิ่มทุนด้วยตนเอง และเห็นควรให้โอนกิจการ ไปรวมกับสถาบันการเงินแทนตามโครงการของทางการเป็นจำนวน 16 บริษัท และ เพื่อดำเนินการตามโครงการนี้ บริษัทดังกล่าวจำเป็นต้องมีเวลาแก้ไขฐานะและ การดำเนินการเพื่อโอนกิจการไปรวมกับสถาบันการเงินแกน หรือมิฉะนั้นต้องจัดหา ผู้ร่วมทุนที่เข้มแข็งและเชื่อมั่นได้เข้ามาถือหุ้นส่วนใหญ่และบริหารงานเต็มที่ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลังจึงได้ออกคำสั่งให้ระงับดำเนินกิจการเป็นเวลา 30 วัน โดยผู้บริหารของบริษัทนั้น ๆ ต้องเสนอแผนแก้ไขฐานะต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลังภายใน 14 วัน ดังนั้น เมื่อรวมบริษัทเงินทุนที่อยู่ในเครือของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งได้รับการดูแลโดยธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งด้วยแล้วอีกประมาณ 40 แห่ง ถือได้ ว่ามาตรการครั้งนี้เป็นการแก้ไขปัญหาและสร้างความมั่นคงแก่สถาบันการเงินทั้งระบบ
ไม่ว่าจะดำเนินการด้วยวิธีใด ประชาชนผู้ฝากเงินที่สุจริตจะได้รับ ความคุ้มครองทุกกรณี จึงขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก และขอให้มีความมั่นใจ ในการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินของทางการที่ได้แยกแยะบริษัทเงินทุนที่มีปัญหาอย่าง ชัดเจนแล้ว บริษัทเงินทุนอื่นนั้นยังสามารถดำเนินการได้ต่อไปตามปกติ และทางการ จะให้ความช่วยเหลือสภาพคล่องแก่ระบบสถาบันการเงินให้เพียงพอต่อไป
บริษัทที่ได้เสนอตัวเป็นสถาบันการเงินแทนแล้ว ได้แก่ บริษัทเงินทุน หลักทรัพย์กรุงไทยธนกิจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินของรัฐ และมี กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ สนับสนุน นอกจากนี้แล้วยังมีบริษัทเงินทุนที่มีฐานะการเงินมั่นคง ได้แจ้งความประสงค์แล้ว 3 กลุ่ม เมื่อได้รายละเอียดของโครงการแล้วจะแจ้งให้ ทราบต่อไป
อนึ่ง ทางการให้คำมั่นว่าจะตรวจสอบการกระทำของผู้บริหารของแต่ละ บริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วน หากตรวจพบการกระทำมิชอบ ทางการจะดำเนินการ ตามกฎหมายโดยทันที--จบ--