เจเจ-เดกุสซา เผยแผนการตลาด เดินหน้าขยายงานไม่หวั่นเศรษฐกิจซบ

ข่าวทั่วไป Thursday October 16, 1997 13:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--16 ต.ค.--เจเจ-เดกุสซา
เจเจ-เดกุสซา (ที) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท เจปเซ่น แอนด์ เจสเซ่น และ เดกุสซา เติบโตอย่างต่อเนื่องสวนกระแสเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ล่าสุดเปิดเผยแผนงานด้านการตลาดของบริษัทเน้นขยายไลน์สินค้าประเภทเคมีภัณฑ์ให้ครอบคลุมอุตสาหกรรมทุกประเภท พร้อมประกาศมั่นใจกลางปี 2541 ผุดโรงงานผลิตระบบกรองไอเสียแน่นอน
นายอาณัติ มุนินทร์นิมิตต์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท เจเจ-เดกุสซา (ที) จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำตลาดและตัวแทนจำหน่ายวัตถุดิบด้านโลหะมีค่า (ทอง เงิน และโลหะที่ผลิตเพื่อเป็นอัญมณี) และเคมีภัณฑ์ต่าง ๆ กล่าวว่า "การที่บริษัทประสบความสำเร็จนั้นเกิดจากการนำจุดแข็งของทั้งสองบริษัทผู้ร่วมทุนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ บริษัท เจปเซ่น แอนด์ เจสเซ่น เป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ อุปกรณ์โทรคมนาคม บรรจุภัณฑ์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม รวมทั้งความชำนาญด้านการตลาดด้วย ขณะที่เดกุสซา กรุ๊ปมีความชำนาญด้านการผลิตเคมีภัณฑ์ โลหะมีค่า และผลิตภัณฑ์ประเภทยารักษาโรค การร่วมทุนดังกล่าวได้ส่งเสริมให้เกิดการเอื้อประโยชน์ร่วมกันและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือด้านการทำตลาดและการจัดจำหน่าย ปัจจุบัน บริษัทฯ สามารถระดมเงินทุนในการขยายฐานการผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมผลิตได้กว้างขวางยิ่งขึ้น"
นอกจากชื่อเสียงด้านการผลิตโลหะมีค่าแล้ว สินค้าประเภทเคมีภัณฑ์สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้สูงถึง 50 เปอร์เซนต์รายได้ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภท ได้แก่ อุตสาหกรรมเหมืองแร่และก่อสร้าง อุตสาหกรรมสี อุตสาหกรรมโลหะและอิเล็คทรอนิกส์ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ อุตสาหกรรมพลาสติกและยาง และแม้แต่อุตสาหกรรมอาหารและเคมีเกษตร เป็นต้น สินค้าของเจเจ-เดกุสซา เป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้ผลิต เนื่องจากเป็นสินค้าเฉพาะด้านจากผู้ผลิตที่มีความรู้ความชำนาญประกอบกับเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าทั่วโลก
ส่วนทางด้านแผนการขยายขอบข่ายธุรกิจของบริษัทฯ นายอาณัติ กล่าวว่า แม้ขณะนี้บริษัทจะต้องฟันฝ่ากับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความผันผวนของค่าเงิน บริษัทฯ ยังคงพยายามหาช่องทางขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยจะลงทุนขยายโรงงานถลุงโลหะมีค่าป้อนอุตสาหกรรมอัญมณีในปลายปีนี้แน่นอน นอกจากนี้ หากภาวะเศรษฐกิจไม่ผันผวนไปมากกว่านี้ ในกลางปี 2541 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถตั้งโรงงานผลิตแคตตาไลติคคอนเวิตเตอร์ หรือระบบกรองไอเสียที่ใส่กับรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่อมตะซิตี้ จังหวัดระยองได้แน่นอน เนื่องจากตลาดรถยนต์ในประเทศยังมีความต้องการระบบดังกล่าวอีกมาก คาดว่าจะสามารถผลิตสินค้าออกสู่ตลาดได้ในปลายปี 2541 โดยมีกำลังการผลิตในขั้นแรก 250,000 ชิ้นต่อปี
"การเพิ่มกำลังการผลิตในอนาคตนั้นต้องขึ้นอยู่กับแนวโน้มความต้องการของตลาดด้วย ซึ่งนอกจากกลุ่มลูกค้าในประเทศแล้ว บริษัทฯ กำลังมองหาช่องทางการทำตลาดในแถบเอเชีย เพราะเป็นตลาดส่งออกที่มีขนาดใหญ่มาก ส่วนในด้านคุณภาพของสินค้านั้น บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการผลิตอย่างเต็มที่จากญี่ปุ่น เยอรมัน และเกาหลี จึงมั่นใจได้ว่าจะก้าวเป็นผู้นำ 1 ใน 3 ของโลกธุรกิจประเภทนี้อย่างแน่นอน" นายอาณัติกล่าวสรุป
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท เอ็มดีเค คอนซัลแทนส์ (ประเทศไทย) จำกัด คุณบราลี อินทรรัตน์, คุณนิตยา ศรีวรานนท์ โทร. 254-5152--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ