DT FAMILIES FOUNDATION ผนึกพันธมิตรลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวเนปาลผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว อย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ ‘Giving Hands to Nepal’

ข่าวทั่วไป Friday August 7, 2015 16:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--มูลนิธิ ดีที แฟมิลี่ส์ DT FAMILIES FOUNDATION จัดทำโครงการ ‘Giving Hands to Nepal’ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวประเทศเนปาล ดึงพันธมิตรร่วมขยายผล เร่งบรรเทาทุกข์ผู้เดือดร้อน สร้างที่พักพิงชั่วคราว ฟื้นฟูความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิต พร้อมทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่นดูแลเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว เน้นการช่วยเหลืออย่างยั่งยืนในระยะยาว ดร.วิทย์ สุนทรนันท์ (ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กรเพื่อสังคม) เปิดเผยว่า โครงการ ‘Giving Hands to Nepal’ เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือสังคม ซึ่งเป็นแนวคิดและแผนงานที่ต่อยอดจากงานเพื่อสังคมที่กลุ่มบริษัทดีที โดยคุณทิพพาภรณ์ (เจียรวนนท์) อริยวรารมย์ ได้ดำเนินการต่อเนื่องมากว่า 2 ทศวรรษ ภายใต้แนวคิด “การให้” ของคุณธนินท์ และคุณหญิงเทวี เจียรวนนท์ ในการส่งมอบโอกาสให้แก่ผู้ที่ขาดโอกาสทางสังคมในประเทศไทย โดยเฉพาะเด็กกำพร้า ให้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ยังดำเนินงานช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขัดสน และทำนุบำรุงพุทธศาสนาอีกด้วย DT FAMILIES FOUNDATION เป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างงานเพื่อสังคมในประเทศไทยและต่างประเทศ เราจะเป็นผู้นำศักยภาพของการทำงานเพื่อสังคมในมิติต่างๆในประเทศไทย ไปช่วยเหลือผู้ที่ต้องการในต่างประเทศ ดังตัวอย่างของโครงการ Giving Hands to Nepal นี้ ภายใต้ความเชื่อที่ว่า การให้ความช่วยเหลืออย่างเดียวกันกับผู้ที่ขาดโอกาสมากกว่า ผลลัพธ์ทางสังคม (Social Impact) จะเกิดขึ้นทบทวีคูณ การนำแนวคิดและต้นแบบที่ได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จในประเทศไทยไปให้แก่ผู้ที่ต้องการที่ตกอยู่ในสภาวการณ์ที่มีข้อจำกัดหรือลำบากกว่าในต่างประเทศจึงเป็นภารกิจหนึ่งของมูลนิธิฯ ในอีกทางหนึ่ง เราจะค้นหาและนำเอาแนวทางและเครื่องมือใหม่ๆที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ รวมไปถึงทรัพยากรทุนและบุคลากรที่หลากหลาย เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนางานด้านสังคมในประเทศไทยอีกด้วย สำหรับโครงการ ‘Giving Hands to Nepal’ เป็นโครงการที่ ริเริ่มขึ้นทันทีที่ได้ทราบข่าวการเกิดแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา โดยผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานเพื่อสังคมได้ร่วมระดมความคิด โดยมุ่งเน้นไปที่เด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าว ให้ได้รับการดูแลในระยะยาวให้มีพัฒนาการที่ดีและได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง แต่จากผลกระทบจากแผ่นดินไหวในครั้งนี้ เกิดขึ้นในวงกว้างและกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนทุกระดับ ทุกเพศ ทุกวัย ความช่วยเหลือที่จำเป็นในลำดับแรกจึงเป็นการบรรเทาทุกข์ของผู้ประสบภัยให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ตามด้วยการฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ โดยการเสริมศักยภาพด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ จึงจะสามารถทำให้ระบบทางสังคมที่จะอุปการะและช่วยเหลือเด็กกำพร้าดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ โครงการ ‘Giving Hands to Nepal’ แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1. การบรรเทาทุกข์ (Disaster Relief) เน้นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะแรก เพื่อให้สามารถดำรงชีพได้อย่างมีคุณภาพ จากการที่กลุ่มบริษัทดีทีมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย จึงให้ความช่วยเหลือในด้านการสร้างที่พักพิงชั่วคราว แก่ครอบครัวผู้ประสบภัยที่บ้านเรือนเสียหาย และยังประสานกับพันธมิตรทางการค้า จัดหาชุดกำเนิดไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดพกพาให้แก่ผู้ประสบภัย เพื่อให้มีพลังงานไฟฟ้าและแสงสว่างที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน 2. การฟื้นฟู (Recovery) เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยและความเป็นอยู่ โดยนำเอามิติทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม มาบูรณาการในการออกแบบชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืน 3. การดูแลเด็กกำพร้า มูลนิธิฯมีความตั้งใจสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กกำพร้าจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ให้จนเรียนจบตามระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศเนปาล โดยจะเป็นการทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่นที่มีศักยภาพในการทำงานร่วมกับเราในระยะยาวและได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การทำงานที่ผ่านมาจึงเป็นการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและนอกประเทศ คือ Change Fusion ทั้งในไทยและที่เนปาล ให้การช่วยเหลือแก่หมู่บ้านผู้ประสบภัยที่หมู่บ้าน Bhattedadha โดยให้การสนับสนุนเงินทุนสำหรับสร้างที่พักพิงชั่วคราวจำนวน 50 หลัง จัดหาและส่งมอบชุดกำเนิดไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบพกพาจำนวน 112 ชุด และร่วมกับ Asian Coalition for Housing Rights (ACHR) และ Lumanti ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นในการสร้างที่พักพิงชั่วคราวจำนวน 90 หลัง ประกอบด้วยเขตพื้นที่ Sankhu จำนวน 20 หลัง เขตพื้นที่ Bhaktapur จำนวน 50 หลัง เขตพื้นที่ Gokarna อีกจำนวน 20 หลัง และอาศัยกลุ่มพัฒนาท้องถิ่นในการเริ่มกระบวนการเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาชุมชนในระยะยาว หลังจากเริ่มดำเนินโครงการความช่วยเหลือ DT FAMILIES FOUNDATION ได้ประสานงานกับภาคีต่างๆ เป็นระยะๆ พร้อมทั้งจัดทีมงานเดินทางไปเนปาล เพื่อดูความก้าวหน้า และปรึกษาหารือกับองค์กรภาคีท้องถิ่น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8-10 มิถุนายน 2558 ก้าวต่อไปของ DT FAMILIES FOUNDATION อยู่ที่การร่วมทำงานกับองค์กรภาคีเครือข่าย เช่น มูลนิธิพุทธรักษา เพื่อยกระดับการช่วยเหลือเด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษาในประเทศไทยให้มีผลสัมฤทธิ์ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ส่วนพันธกิจในต่างประเทศ จะเน้นความช่วยเหลือที่เปลี่ยนชีวิต (Life Changing) ของเด็กๆให้เติบโตเป็นผู้สร้างสังคมที่ดีกว่าในอนาคต เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีความรับผิดชอบ และมีจิตสาธารณะในการตอบแทนแก่สังคมเมื่อมีโอกาส โดยยังคงเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วม กับองค์กรภาคีในระดับโลกหรือระดับภูมิภาค และการเสริมศักยภาพขององค์กรด้านสังคมในระดับท้องถิ่น จากจุดเริ่มต้นที่ประเทศเนปาล เรามีเป้าหมายในการขยายผลสู่ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศในแถบเอเซียใต้ ประเทศจีน และไปสู่ประเทศในทวีปแอฟริกาในที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ