CMO ผนึกพันธมิตร ตั้งบริษัท “ซีเอ็มโอ โชว์ คอร์ป” ผุดโปรเจ็กต์ “หิมพานต์ อวตาร” จัดเต็มโชว์แสงสีเสียงระดับโลก

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 17, 2015 15:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--CMO GROUP "ซีเอ็มโอ" เซ็นต์สัญญาจับมือพันธมิตร "โชว์ แอสเสท แมเนจเม้นท์" จัดตั้งบริษัท "ซีเอ็มโอ โชว์ คอร์ป" เพื่อบริหารงาน ศูนย์การแสดงที่ผสมผสานเทคโนโลยีแสงสีเสียงระดับโลก ภายใต้ชื่อ "หิมพานต์ อวตาร" โชว์การแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ตั้งอยู่ที่ "Show DC" เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แห่งใหม่ หวังจับกลุ่มนักท่องเที่ยว รับกระแสท่องเที่ยวไทยเติบโตต่อเนื่อง ด้านผู้บริหาร ระบุแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้น เดินหน้า ขยายธุรกิจใหม่ ช่วยเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในตลาด ให้บริการครบวงจรยิ่งขึ้น พร้อมตั้งเป้าสร้างรายได้เพิ่ม 200 ล้านบาทต่อปี นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้นำธุรกิจสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรแห่งอาเซียน ครอบคลุมธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ลงทุนจัดตั้ง "บริษัท ซีเอ็มโอ โชว์ คอร์ป จำกัด" (CMO Show Corp Co,.Ltd) หรือเรียกว่า "ซีเอ็มโอ โชว์" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินธุรกิจสร้างประสบการณ์และการบริหารจัดการอีเวนท์ด้วยการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรชั้นนำแห่งภูมิภาคอาเซียน และ บริษัท โชว์ แอสเสท แมเนจเม้นท์ จำกัด (Show Asset Management Co,.Ltd) สำหรับบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ ทำขึ้นเพื่อพัฒนาศูนย์การแสดงที่ผสมผสานเทคโนโลยีระดับโลก ภายใต้ชื่อ "หิมพานต์ อวตาร" (Himmapan Avatar) เป็นโชว์การแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ซึ่งตั้งอยู่ที่โครงการ โชว์ ดีซี (SHOW DC) ทั้งนี้ "ซีเอ็มโอ โชว์" มีทุนจดทะเบียน 70 ล้านบาท เป็นการลงทุนในอัตราส่วน CMO จำนวน 50% และShow Asset Management จำนวน 50% "บริษัทฯ ลงทุนในกิจการ ซีเอ็มโอ โชว์ เพื่อสร้างโชว์ "หิมพานต์ อวตาร" ซึ่งเป็นการแสดงวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ผสานเทคนิคแสงสีเสียง นับว่าเป็น Cultural Walking Theme Park แห่งแรกในประเทศไทย โดยจะตั้งอยู่ที่ Show DC เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แห่งใหม่ ย่านพระราม9 เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ จะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ ที่จะขยายไลน์ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำให้กับบริษัทในระยะยาว โดยโครงการนี้กำหนดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ของปี 59 และจะทยอยรับรู้รายได้ภายในกลางปีหน้า ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะทำรายได้ 200 ล้านบาทต่อปี" นายเสริมคุณ กล่าว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO ยังกล่าวอีกว่า การร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ นับเป็นนิมิตหมายที่ดี จะเป็นช่องทางสร้างรายได้เพิ่มขึ้นของบริษัทฯ เป็นการกระจายความเสี่ยง จะช่วยให้บริษัทฯ มีรายได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของ CMO ในการเป็นผู้นำธุรกิจอีเว้นท์ครบวงจร และ ผู้เชี่ยวชาญด้านมัลติมีเดีย และอินเตอร์แอคทีฟมีเดียในอาเซียน อีกด้วย สำหรับแผนงานในช่วงที่เหลือของปี 58 บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจตามที่ได้วางไว้ คือ การรักษาความเป็นผู้นำด้านธุรกิจอีเว้นท์ รวมถึงพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่เข้ากับเทรนด์และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บริษัท โมเมนตัม เอส ทำธุรกิจการจัดงาน Private Event เช่น งานวันเกิด ,งานแต่งงาน เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัท ยังได้เปิดตัวธุรกิจ สวนสนุกแห่งจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ "Imaginia" (อิเมจิเนีย) ด้วยงบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท เป็นสวนสนุกในคอนเซ็ปต์เสริมสร้างทักษะ ปลูกความคิดและการเรียนรู้ ให้กับเด็กๆ ตั้งแต่อายุ 1-15 ปี ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม "ภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์ในช่วงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากมีภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้กระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนต่างใช้งบในการจัดอีเว้นท์ลดลง จุดนี้ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับตัวตาม โดยมองหาช่องทางการทำธุรกิจอื่นๆ ที่จะสร้างรายได้ประจำแน่นอน อย่างไรก็ดี คาดว่าการจัดงานของกลุ่มลูกค้าจะกลับมาคึกคักมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอีเว้นท์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMOกล่าว ในส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2558 (เมษายน – มิถุนายน 2558) ว่าบริษัทฯ มีรายได้ 378.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2557 ที่มีรายได้ 243.11 ล้านบาท ขณะที่ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 2.87 ล้านบาท ลดลง 6.84 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิ 9.71 ล้านบาท "จากผลประกอบการไตรมาส 2 ต้องบอกว่ามีการเติบโตที่น่าพอใจ เพราะปกติในช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี จะไม่ค่อยดีสำหรับธุรกิจอีเว้นท์ บวกกับ การดำเนินงานท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว แต่จะเห็นว่า บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากว่า บริษัทฯ รับรู้รายได้งานโปรเจ็กต์ใหญ่เข้ามา บวกกับบริษัทฯ มีการปรับตัวในหลายๆด้าน เช่น มีการลงทุนในธุรกิจประเภทอื่นๆ ที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ตลอดจนบริหารลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และในไตรมาสนี้ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการย้ายสำนักงานแล้ว นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) ภายในสิ้นปีนี้ มูลค่าประมาณ 860 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าในปีนี้รายได้จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,200 ล้านบาท " นายเสริมคุณ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ