KTIS มั่นใจฝ่ามรสุมเศรษฐกิจฉลุย เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนรายได้สายชีวพลังงาน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 24, 2015 20:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์ ผู้บริหารกลุ่ม KTIS มั่นใจ ด้วยขนาดของโรงงานน้ำตาลที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศและของโลก ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสการเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในสายชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ ไม่หวั่นความผันผวนของเศรษฐกิจโลกระยะสั้น เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว ตั้งบริษัท เคทิส วิจัยและพัฒนา ขึ้นเป็นบริษัทย่อย หวังพัฒนาคุณภาพและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้ตรงจุด นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ด้วยกำลังการผลิตของโรงงานน้ำตาลในกลุ่ม KTIS ที่มีอยู่ 3 โรงงาน รวม 88,000 ตันอ้อยต่อวัน โดยโรงงานที่ใหญ่ที่สุดมีกำลังการผลิต 55,000 ตันอ้อยต่อวัน ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก ในการผลิตน้ำตาลทรายจึงได้ผลิตผลพลอยได้ (By product) ต่างๆ จำนวนมาก ที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ และสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความได้เปรียบจากการประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) “ในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกปรับลดลง ทำให้รายได้ของโรงงานน้ำตาล ซึ่งมีสัดส่วน 30% ของรายได้ของระบบอ้อยและน้ำตาลทราย (ชาวไร่ 70 : โรงงาน 30) ลดลงด้วยเช่นกัน จึงส่งผลต่ออัตรากำไรของสายธุรกิจน้ำตาลอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม กลุ่ม KTIS ก็มีสายธุรกิจชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ ที่ยังคงมีอัตราการทำกำไรที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการผลิตไฟฟ้าจากชานอ้อย การผลิตเอทานอล หรือการผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษ ทำให้บริษัทฯ ยังคงทำกำไรสุทธิได้ 664.44 ล้านบาท จากรายได้ 9,211.14 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558” นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ของ KTIS ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ยังมาจากการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลและกากน้ำตาล 74% สายชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ 26% บริษัทจึงได้มีนโยบายที่จะลงทุนทางด้านชีวพลังงานมากขึ้นมาตั้งแต่ปี 2557 แล้ว ด้วยการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม ซึ่งก็จะเห็นผลชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป ว่าสัดส่วนรายได้จากสายธุรกิจชีวพลังงานจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่าสัดส่วนในปัจจุบันของรายได้จากการขายและบริการ และด้วย Profit Margin ที่ดีกว่าก็จะส่งผลดีต่ออัตราการทำกำไรของ KTIS ด้วย นอกจากนี้ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต คณะกรรมการ KTIS จึงได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัท เคทิส วิจัยและพัฒนา จำกัด ขึ้นเป็นบริษัทย่อย เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ วิจัย คิดค้น และพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือวัตถุดิบ รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจากอ้อยและน้ำตาล ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีคุณภาพดีขึ้น มีความหลากหลายมากขึ้น ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากขึ้น “ขอให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่า KTIS ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องเกือบ 50 ปี และสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่างๆ มาโดยตลอด ถึงแม้ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวนหลายด้าน ทั้งเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศทั่วโลก แต่กลุ่ม KTIS ก็จะเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ด้วยการลงทุนอย่างระมัดระวัง และศึกษาวิจัยเป็นอย่างดีแล้วว่าทุกการลงทุนจะให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ กลุ่ม KTIS กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ