“ตราช้าง” จากเอสซีจี เปิดตัวสินค้าใหม่พร้อมอัดแคมเปญบุกตลาดวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์ครั้งใหญ่ ชูจุดแข็งรายแรกและรายเดียวในตลาด ที่ครบวงจรทั้งผลิตภัณฑ์ บริการและโซลูชั่น

ข่าวอสังหา Thursday September 3, 2015 13:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--เวิรฟ "ตราช้าง" จากเอสซีจี ผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง เดินหน้ารุกตลาดวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์ครั้งใหญ่ เปิดตัวสินค้าใหม่ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งพื้น (Floor) ได้แก่ "บล็อกปูพื้น รุ่น Trio Block และ กระเบื้องปูพื้น รุ่น J-Series", กลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งผนัง (Wall) ได้แก่ "กระเบื้องตกแต่งผนัง รุ่น True Nature Old Brick สี Rustic Brown" และกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งสวน (Garden) ได้แก่ "ระบบสวนแนวตั้ง รุ่น Modula Green Hive" ชูจุดแข็งรายแรกและรายเดียวในตลาดที่ครบครันทั้งผลิตภัณฑ์ บริการและโซลูชั่น ครอบคลุมการตกแต่งภูมิทัศน์ในทุกระดับ ตอบโจทย์ทุกงานดีไซน์ พร้อมอัดแคมเปญสร้างการรับรู้เจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งงานโครงการ เจ้าของบ้าน ช่าง และผู้รับเหมา ตั้งเป้าหมายปี 2558 มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 62% ครองความเป็นผู้นำตลาดวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์อย่างต่อเนื่อง นายเสนีย์ ลิมานนท์ดำรงค์ ผู้จัดการส่วนการตลาด กลุ่มสินค้าพื้น รั้ว และแลนด์สเคป ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เปิดเผยว่า "ตราช้าง" ในฐานะผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างรายแรกของไทยที่บุกเบิกตลาดวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์ (Landscape) มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งภูมิทัศน์ ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ด้านการใช้งานและความสวยงาม ทั้งยังมีนโยบายในการสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกับลูกค้า (Co-Creation) เพื่อสร้างคุณค่าสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแท้จริง "ตราช้าง" จึงเป็นรายแรกและรายเดียวในตลาดที่มีผลิตภัณฑ์ครบวงจรมากที่สุด โดยมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมถึง 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งพื้น (Floor), กลุ่มผลิตภัณฑ์รั้วสำเร็จรูป (Fence), กลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งผนัง (Wall) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งสวน (Garden) จึงสามารถตอบโจทย์การตกแต่งภูมิทัศน์ได้ทุกประเภทการใช้งาน และตอบสนองความต้องการกลุ่มเป้าหมายทั้งกลุ่มงานโครงการ (Project) และกลุ่มลูกค้าทั่วไป (End User) นอกจากนี้ยังมีจุดแข็งด้านการให้บริการและโซลูชั่นที่ครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากเอสซีจี "สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2558 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งภูมิทัศน์ ตราช้าง จะเน้นตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง ชูจุดแข็งด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบครัน ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมสินค้าภายใต้ความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค (Customer Centric) ที่มีความต้องการที่หลากหลาย ตราช้างจึงมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถนำมาใช้ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคและเข้ากับบ้านทุกสไตล์ได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังสามารถออกแบบเป็นลวดลายเฉพาะสำหรับลูกค้าที่มีความต้องการส่วนบุคคลด้วย ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งพื้น (Floor) ได้แก่ "บล็อกปูพื้น รุ่น Trio Block และ กระเบื้องปูพื้น รุ่น J-Series", กลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งผนัง (Wall) ได้แก่ "กระเบื้องตกแต่งผนัง รุ่น True Nature Old Brick สี Rustic Brown" และกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งสวน (Garden) ได้แก่ "ระบบสวนแนวตั้ง ตราช้าง รุ่น Modular Green Hive" โดยวางจำหน่ายแล้วที่ เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์, เอสซีจี โฮมโซลูชั่น, โฮมมาร์ท, เอสซีจี ออเตอร์ไรซ์ ดีลเลอร์ และร้านค้าวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์ชั้นนำทั่วประเทศ" นายเสนีย์ กล่าว การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้ นอกจากจะเน้นสร้างการรับรู้ถึงจุดเด่นและความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้งกลุ่มงานโครงการทั้งภาครัฐและเอกชน เจ้าของบ้าน ช่างและผู้รับเหมา ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ ได้แก่ www.trachang.co.th, www.scgexperience.co.th และwww.facebook.com/trachangbrand สื่อออฟไลน์ ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ งานแสดงสินค้าต่างๆ นอกจากนี้ในครึ่งปีหลังปี 2558 ยังสร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ผ่านการจัด แคมเปญโปรโมชั่น Let's Renovate เพราะหน้าบ้านคือหน้าตา กระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายปรับปรุงสวนและภูมิทัศน์รอบบ้านและอาคาร และนำเสนอบทความตกแต่งภูมิทัศน์ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคม 2558 "เรามั่นใจว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่พัฒนานวัตกรรมจากความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ประกอบกับจุดแข็งเรื่องความครบครันของผลิตภัณฑ์ โซลูชั่น และบริการ จะทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนการจัดกิจกรรมการตลาด จะช่วยสร้างการรับรู้และการจดจำในตราสินค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังลูกค้ารายใหม่ๆ และผลักดันยอดขายให้เติบโตตามเป้า โดยตั้งเป้าหมายปี 2558 ครองความเป็นผู้นำตลาดวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์อย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 62% จากตลาดรวมปีนี้ที่คาดว่าจะมีมูลค่า 2,500 ล้านบาท ทรงตัวจากปีที่แล้ว" นายเสนีย์ กล่าวปิดท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ