แอสคอทท์, มูลนิธิ แคปปิต้าแลนด์โฮป และ มูลนิธิ ไอแคร์ ประเทศไทย ผนึกกำลังร่วมสร้างรากฐานเพื่ออนาคตที่สดใสให้แก่เด็กๆในจังหวัดเชียงราย

ข่าวทั่วไป Tuesday September 22, 2015 19:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--Ascott International Management ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด (แอสคอทท์) เจ้าของและบริษัทผู้นำตลาดด้านการบริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเด้นท์, พร้อมด้วยมูลนิธิ แคปปิต้าแลนด์โฮป (CHF) องค์กรด้านการกุศลของบริษัท แคปปิต้าแลนด์ ได้จัดทริปจิตอาสานานาชาติเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนเด็กนักเรียนกว่า 500 คน ณ โรงเรียนดอยเวียงผาพิทยาในจังหวัดเชียงราย โดยผ่านการประสานงานของมูลนิธิ ไอแคร์ ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ มีพนักงานจิตอาสาเข้ากว่า 50 ท่าน ประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูง และพนักงาน จากบริษัท แคปปิต้าแลนด์ และแอสคอทท์ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ จีน, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์และเวียดนาม จิตอาสาทุกท่านได้ร่วมมือกันพัฒนาและปรับปรุงสภาพแวดล้อม ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของโรงเรียน เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมและเอื้อประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โรงเรียนดอยเวียงผาพิทยาเป็นโรงเรียนในสังกัดภาครัฐฯ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำบริเวณทางภาคเหนือของประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 10 ชั่วโมง โรงเรียนจัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้นจำนวนทั้งสิ้นกว่า 500 คน โดยในจำนวนนี้มีเด็กนักเรียนประมาณ 50 คนอยู่ประจำที่โรงเรียนเนื่องจากบ้านของพวกเขาอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร นอกเหนือไปจากการปรับปรุงภูมิทัศน์ และอาคารสถานที่ทั้งภายในและภายนอกหลายจุดด้วยกัน อาทิ การทาสีผนังอาคารเรียน วาดภาพและเพ้นท์สีบริเวณพื้นสนามเด็กเล่นของโรงเรียนแล้วนั้น พนักงานจิตอาสายังได้สวมบทบาทเป็นคุณครูอาสา สอนเด็กๆในวิชา "สถาปนิกตัวน้อยแคปปิต้าแลนด์" ซึ่งเป็นบทเรียนที่ทางบริษัท แคปปิต้าแลนด์ได้ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้เด็กๆได้เรียนรู้แนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับการก่อสร้าง ผ่านการเล่าเรื่องที่พวกเขาสามารถเข้าใจได้ง่ายและเพลิดเพลินไปพร้อมๆกัน ทั้งนี้บรรดาจิตอาสายังได้จัดเตรียมกิจกรรมที่สนุกสนานหลากหลายชนิดไปสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แก่เด็กๆอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมกีฬาสี, กิจกรรมศิลปะและงานประดิษฐ์ เป็นต้น และเพื่อให้การเปิดเทอมใหม่ของน้องๆ ณ โรงเรียนดอยเวียงผาพิทยาเป็นเทอมที่พิเศษและน่าจดจำมากยิ่งขึ้น ทางบริษัท แคปปิต้าแลนด์ได้มอบกระเป๋านักเรียนใบใหม่พร้อมด้วยเครื่องเขียน, รองเท้าและถุงเท้านักเรียนคู่ใหม่ให้แก่เด็กนักเรียนทุกคนในโรงเรียน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม "กระเป๋านักเรียนของฉัน (My Schoolbag)" ที่ทางมูลนิธิ แคปปิต้าแลนด์โฮป (CHF) ได้ทำต่อเนื่องมาในหลายประเทศทั่วโลกตั้งแต่ปี 2552 มร ตัน เซง ชาย, Group Chief Corporate Officer บริษัท แคปปิต้าแลนด์ จำกัด ในฐานะกรรมการบริหาร มูลนิธิ แคปปิต้าแลนด์โฮป กล่าวว่า: "แคปปิต้าแลนด์มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเด็กด้อยโอกาสผ่านทางมูลนิธิ CHF ตลอดจนความพยายามในการพัฒนาชุมชนในประเทศต่างๆที่เรา ดำเนินธุรกิจอยู่ ปัจจุบันมูลนิธิ CHF ได้บริจาคเงินไปแล้วมากกว่า 23 ล้านดอลล่าร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 598 ล้านบาทในกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ สำหรับประเทศไทยเอง ทางบริษัทฯยังคงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสนับสนุนโครงการจิตอาสาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเฉกเช่นที่ผ่านมา" มร ตัน ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า: "และเพื่อเฉลิมฉลองให้กับการครบรอบ 10 ปีของมูลนิธิ CHF ในปีนี้ ทางมูลนิธิฯให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำการบริจาคเงินอย่างน้อย 1 ล้านดอลล่าร์สิงคโปร์ หรือประมาณราว 25.4 ล้านบาทผ่านทางการจัดกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ นอกจากการบริจาคในรูปแบบของเม็ดเงินแล้ว เรายังตั้งเป้าหมายที่จะสะสมยอดชั่วโมงการร่วมกิจกรรมจิตอาสาของชุมชนให้ได้มากถึง 100,000 ชั่วโมงผ่านแคมเปญ #100KHopeHours โดยเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนจากทุกสาขาสามารถเข้าร่วมได้ ในทุกๆ 1 ชั่วโมงของการทำความดีในกิจกรรมจิตอาสาใดๆก็ตาม ทางมูลนิธิฯ จะสบทบทุน 10 ดอลล่าร์สิงคโปร์ ซึ่งเงินบริจาคในแคมเปญดังกล่าวจะนำไปช่วยเหลือเยาวชนด้อยโอกาสในประเทศต่างๆของเอเชียรวมถึงในประเทศไทยด้วย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการมีส่วนร่วมของเราตลอดจนแรงสนับสนุนจากเหล่าจิตอาสาจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและวางรากฐานอนาคตที่ดีให้แก่เยาวชนที่ด้อยโอกาสในสังคม" มร โทนี่ โซ, Chief Corporate Officer บริษัท แอสคอทท์ กล่าวว่า: "นับตั้งแต่เปิดตัวธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้แห่งแรกของเราในกรุงเทพฯเมื่อ 15 ปีที่แล้ว แอสคอทท์ก็ได้สร้างชื่อเสียงที่แข็งแกร่งในประเทศไทยมาเป็นเวลายาวนานและทุกวันนี้เราเป็นเจ้าของและบริษัทผู้นำตลาดด้านการบริหารธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเด้นท์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยจำนวนพร็อพเพอร์ตี้รวม 10 แห่ง หรือนับเป็นจำนวนยูนิตมากถึง 1,800 ยูนิต ทั้งยังมีพร็อพเพอร์ตี้อีกอย่างน้อย 2 แห่งที่จะเปิดตัวภายในปี 2561 ทั้งในกรุงเทพฯและศรีราชา เราไม่เพียงแค่วางแผนที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทยเท่านั้น แต่เรายังวางแผนที่จะตอบแทนให้กับสังคมในรูปแบบที่ยั่งยืน ซึ่งอุดมการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับหลักความเชื่อของบริษัทแม่อย่างแคปปิต้าแลนด์ในเรื่อง "สร้างคน สร้างชุมชน" สำหรับกิจกรรมจิตอาสาในประเทศไทยในครั้งนี้นั้น สำหรับตัวผมเอง นับเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือเด็กๆที่โรงเรียนฯร่วมกับพนักงานจิตอาสาท่านอื่นๆ บริษัท แอสคอทท์ เราจะมุ่งมั่นตั้งใจสนับสนุนและช่วยเหลือเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาสทั่วโลกเช่นนี้ต่อไป" ทั้งนี้ นายสงกรานต์ พรมมินทร์, ผู้อำนวยการโรงเรียนดอยเวียงผาพิทยาได้กล่าวว่า: "กระผมขอขอบคุณทางมูลนิธิ แคปปิต้าแลนด์โฮป ตลอดจนบริษัท แอสคอทท์ และ มูลนิธิ ไอแคร์ ประเทศไทยเป็นอย่างมากสำหรับการสนับสนุนอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ การช่วยเหลือในครั้งนี้จะช่วยให้เด็กๆในพื้นที่ห่างไกลได้มีโอกาสทางการศึกษาที่ดีขึ้นทัดเทียมกับเด็กๆในเมือง ไม่ว่าจะเป็นเงินบริจาค, สนามเด็กเล่นและเครื่องเล่นต่างๆ รวมถึงการสละเวลามาทำกิจกรรมมากมายกับเด็กๆพิสูจน์ให้เห็นถึงความเอาใจใส่และความมุ่งมั่นตั้งใจของทุกท่านในการช่วยเหลือโรงเรียนดอยเวียงผาพิทยาอย่างแท้จริง และมันจะเป็นสิ่งที่พวกเราไม่มีวันลืม" กิจกรรมจิตอาสาของบริษัท แอสคอทท์ ประเทศไทยในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่สองที่ทางแอสคอทท์ได้ร่วมมือกับมูลนิธิ ไอแคร์ช่วยเหลือสนับสนุนโรงเรียนดอยเวียงผาพิทยา ซึ่งในปี 2557 แอสคอทท์ ประเทศไทย ผ่านทางการประสานงานของมูลนิธิ ไอแคร์ ประเทศไทย และความสนับสนุนจากมูลนิธิ CHF ได้บริจาคเตียง, ฟูก, เครื่องนอน ตลอดจนกล่องเก็บของและสิ่งของจำเป็นต่างๆ ให้แก่เด็กนักเรียนที่ขาดแคลน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กชาวเขาที่ต้องอยู่ประจำอยู่ที่โรงเรียนเพราะบ้านของพวกเขาอยู่ห่างไกลจากตัวโรงเรียนมากเกินกว่าที่จะสามารถเดินทางไป-กลับเหมือนนักเรียนคนอื่นๆได้ นอกเหนือไปจากโครงการที่โรงเรียนดอยเวียงผาพิทยาแล้ว ในปี 2551 พนักงานจิตอาสาของบริษัท แคปปิต้าแลนด์ จากประเทศสิงคโปร์, จีน, อินเดีย, มาเลเซีย รวมถึงประเทศไทย โดยความสนับสนุนจากมูลนิธิ CHF ได้ร่วมกันช่วยสร้างหอพักนักเรียนให้แก่โรงเรียนบ้านสว้า ในอำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ในภาคเหนือของประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งโครงการในครั้งนั้นช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่เด็กนักเรียนหลายคนๆสามารถอาศัยอยู่ที่โรงเรียนและไม่ต้องเดินทางไป-กลับระหว่างบ้านและโรงเรียนซึ่งมีระยะทางกว่า 8 กิโลเมตรทุกวัน นอกจากนิ้ทางมูลนิธิ CHF ยังช่วยสนับสนุนเด็กที่ขาดแคลนอีก 135 คนในอำเภอบ่อเกลือผ่านโครงการ World Vision อีกด้วย สำหรับแคมเปญ #100KHopeHours ทางมูลนิธิ CHF มีความพยายามที่จะส่งเสริมให้บรรดาผู้มีจิตอาสาในชุมชนรวมพลังกันเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาสังคมผ่านการทำความดีในรูปแบบใดก็ตามที่ตนถนัด และเข้าไปบันทึกชั่วโมงจิตอาสาที่เว็บไซด์ http://www.capitalandhopefoundation.com/100khopehours เพื่อระดมทุนในการช่วยเหลือเยาวชนด้อยโอกาสในสังคม รายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงภาพกิจกรรมจิตอาสาของมูลนิธิ CHF สามารถเยี่ยมชมได้ที่ Facebook Page: http://www.facebook.com/capitalandhopefoundation

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ