สธ.เผยชาวเหนือเป็นแชมป์โรคพยาธิใบไม้ตับ แทนชาวอิสานแล้ว

ข่าวทั่วไป Thursday June 26, 1997 19:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--26 มิ.ย.--กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุข เร่งปราบโรคพยาธิใบไม้ตับในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งล่าสุดพบว่าชาวเหนือนับแสนรายใน 12 จังหวัดป่วยเป็นโรคนี้ สถิติสูงกว่าภาคอิสานแชมป์ในอดีตถึง 2 เท่าตัว เหตุเพราะเปิบปลาน้ำจืดไม่สุก โดยพยาธิชนิดนี้มีอายุนานกว่า 20 ปี ออกไข่ตัวละประมาณ 3,000 ฟอง ต่อวัน
พลเรือตรี นายแพทย์วิทุร แสงสิงแก้ว ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมราชการและประชุมผู้บริหารสาธารณสุขประจำเขต 9 และ เขต 10 รวม 12 จังหวัดในภาคเหนือ ตอนบนได้แก่ จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลกพิจิตร เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน และพะเยา เพื่อติดตามนโยบายและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานพัฒนาสาธารณสุขในพื้นที่ดังกล่าวในรอบ 9 เดือน ที่โรงแรมลำปางเวียงทอง จังหวัดลำปางเมื่อบ่ายวันนี้
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า นโยบายสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขในปีนี้ได้มุ่งเน้นที่การส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ควบคู่การจัดบริการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ ซึ่งในภาพรวมของการจัดบริการประชาชนขณะนี้ อยู่ในระดับเป็นที่น่าพอใจ สำหรับโรคติดต่อสำคัญซึ่งบั่นทอนคุณภาพชีวิตของประชาชนใน 12 จังหวัดนี้ ที่กำลังเป็นปัญหาได้แก่ โรคพยาธิใบไม้ตับ ซึ่งมีรายงานผู้ป่วยสูงสุดในประเทศ ในปีที่ผ่านมาพบ 124,224 ราย สูงกว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเคยเป็นถิ่นที่มีการระบาดของโรคในอดีตมากที่สุด ถึง 2 เท่าตัว คือมีรายงานผู้ป่วยด้วยโรคนี้เพียง 54,211 ราย ในภาพรวมทั้งประเทศมีรายงานผู้ป่วยทั้งสิ้น 189,072 ราย
สำหรับสาเหตุที่ประชาชนในภาคเหนือป่วยเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับกันมากนั้น เกิดมาจากการบริโภคปลาน้ำจืดดิบ ๆ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ จำพวกก้อยปลา ลาบปลา และปลาร้าดิบ โดยเฉพาะปลาที่มีเกล็ดสีขาว เช่นปลาสูด ปลาแม่สะแด้ง ปลาซิว ปลาสร้อย ปลาแก้มช้ำ โดยตัวอ่อนพยาธิจะไชเข้าทางเกล็ดปลา เมื่อคนบริโภคปลาดิบเข้าไป พยาธิก็จะเข้าไปอยู่ในทางเดินของน้ำดีในตับ หรือที่ถุงน้ำดี ทำให้ท่อน้ำดีเกิดการอุดตัน และเกิดการอักเสบขึ้น พยาธิใบไม้ตับนี้มีอายุขัยประมาณ 20-25 ปี โดยพยาธิตัวแก่ 1 ตัว จะไข่ได้ประมาณวันละ 3,000 ฟอง คาดว่าขณะนี้ทั่วประเทศจะมีประชาชนป่วยเป็นโรคนี้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน
ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือมีอาการแน่นตื้อ ๆ บริเวณลิ้นปี่ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รับการรักษา เซลล์ของตับจะถูกทำลายและแฟบลง กลายเป็นตับแข็ง บางรายอาจเป็นมะเร็งท่อน้ำดี เสียชีวิตในที่สุด
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวต่อไปว่า ตนได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเร่งแก้ไขที่สำคัญที่สุดคือการให้ความรู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคปลาดิบของประชาชนทุกรูปแบบนอกจากนี้ยังรณรงค์ให้ประชาชนมีและใช้ส้วมครบ 100% ไม่ควรถ่ายอุจจาระเรี่ยราด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายอุจจาระลงน้ำ เพื่อเป็นการตัดวงจรของพยาธิ ซึ่งปัจจุบันดำเนินการได้ครอบคลุมหลังคาเรือนแล้วร้อยละ 95 ทั้งนี้หากประชาชนรายใดสงสัยว่าตัวเองจะมีพยาธิชนิดนี้หรือไม่ สามารถขอรับคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้านทุกแห่ง หรือส่งอุจจาระตรวจได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง เพื่อที่จะรับการรักษาให้หายขาดได้อย่างทันท่วงที--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ