วธ.เผยแถลงการณ์สำนักงานกิจการฮัจย์ฯล่าสุดฉบับที่ 3 ยังไม่พบผู้แสวงบุญชาวไทยบาดเจ็บ เหตุเหยียบกันตายที่เมืองมักกะห์ กรมการศาสนา ประชุมกำหนดมาตรการรับผู้แสวงบุญกลับไทยเที่ยวแรก 26 ก.ย.นี้

ข่าวทั่วไป Monday September 28, 2015 14:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--กลุ่มประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า จากการรายงานสถานการณ์ล่าสุดจากนายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กรณีเหตุการณ์ผู้แสวงบุญจำนวนมากเสียชีวิตที่ตำบลมีนา เมืองมักกะห์ ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นเหตุอันเนื่องมาจากความแออัดและเหยียบกันตาย เมื่อเช้าวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา และสำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ณ เมืองมักกะห์ ออกแถลงการณ์มาแล้ว 2 ฉบับ ล่าสุดสำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตล่าสุดที่ได้รับการยืนยัน 717 คน และบาดเจ็บ 863 คน บางส่วนเป็นผู้แสวงบุญชาวอิหร่าน อินเดีย และผู้แสวงบุญประเทศมุสลิมในอัฟริกา เป็นต้น และยังอยู่ในระหว่างการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของกระทรวงสาธารณสุขซาอุดิอาระเบียและเอกสารของผู้เสียชีวิต และไม่ปรากกว่ามีผู้แสวงบุญชาวไทยเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวแต่ประการใด นายวีระ กล่าวต่อว่า จากแถลงการณ์ระบุอีกว่า สำหรับกรณีที่ปรากฎข่าวสารว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากสะพานชั้น 2 พังถล่มเนื่องจากมีผู้แสวงบุญจำนวนมากอยู่บนสะพาน และผู้แสวงบุญส่วนหนึ่งตกลงไปในซากปรักหักพังของสะพาน ทำให้ผู้คนที่เหลือแตกตื่นวิ่งหนีเอาชีวิตรอดและเหยียบกันจนเสียชีวิตนั้น สำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย แจ้งยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ข้อเท็จจริงที่คณะอนุกรรมการสำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยได้ไปตรวจสอบพบว่า สถานที่เกิดเหตุเป็นสามแยกที่เชื่อมต่อระหว่างถนนสาย 204 กับถนนสาย 223 โดยถนนสาย 204 เป็นถนนหลักที่มุ่งสู่สถานที่ขว้างเสาหิน และก่อนถึงสถานที่ขว้างเสาหิน 1 กิโลเมตร จะมีถนนสาย 223 มาบรรจบกับถนนสาย 204 โดยบริเวณดังกล่าวใกล้กระโจมที่พักของผู้แสวงบุญกลุ่มประเทศมุสลิมอัฟริกา ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้แสวงบุญทั้งสองเส้นทางจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาจนเกิดการแออัด เหยียบและล้มตายในที่สุด นายวีระ กล่าวว่า ได้สั่งกำชับให้ ศน.ติดตามเหตุการณ์และคอยประสานให้ความช่วยเหลือ หากทางกลุ่มผู้แสวงบุญหรือว่ากลุ่มผู้ประกอบกิจการฮัจย์ ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อให้มีการช่วยได้ทันท่วงที นอกจากนี้จากการที่รัฐบาลมีนโยบายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานความร่วมมือ เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความอบอุ่นให้แก่พี่น้องชาวไทยมุสลิม เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์อย่างเต็มที่ ล่าสุดได้รับรายงานจากศน.ว่าในการประชุมคณะอนุกรรมการศูนย์อำนวยความสะดวกผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในเทศกาลฮัจย์ประจำปี 2558 มีผู้แทนจุฬาราชมนตรี กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กรมการบินพลเรือน บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมประชุมเตรียมการอำนวยความสะดวกผู้เดินทางกลับระหว่างวันที่ 26 กันยายน ถึงวันที่ 28 ตุลาคม เบื้องต้นมีศูนย์ประสานงานอำนวยความสะดวกผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ กรมการศาสนา ตลอด 24 ชั่วโมง โทร 02-4228795-6 เว็บไซต์กรมการศาสนาwww.dra.go.th เว็บไซต์ www.hajthailand.net และเบอร์ฮอตไลน์ 094-9520668, 094-9158257 โดยที่ท่าอากาศยานต่างๆ จัดเตรียมสถานที่รองรับและขนสัมภาระของผู้ประกอบพิธีฮัจย์ที่ต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาให้เป็นไปด้วยความสะดวกเรียบร้อย นายวีระ กล่าวว่า ได้รับรายงานจาการหารือถึงแนวทางของกรมควบคุมโรคเกี่ยวข้องกับการติดตามและเฝ้าระวังโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอรส์ หลังผู้แสวงบุญกลับจากซาอุดิอาระเบียนั้น สธ.จัดทำระบบการติดตามและเฝ้าระวังโรคให้กับผู้แสวงบุญภายใน 1 เดือน หลังกลับจากซาอุดิอาระเบีย โดยกรมควบคุมโรค มีหนังสือขอความร่วมมือสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 และ 12 ในการประสานงานกับด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานนราธิวาส และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ในการคัดกรองผู้แสวงบุญเดินทางมาถึงสนามบินที่มีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและอาการไข้มากกว่า 38 องศาเซลเซียสตาม แนวทางการติดตามและเฝ้าระวังโรคเมอรส์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ