เหล่าผู้นำโลกประชุมตกลงแผนฟื้นฟูความหวังให้กลับคืนมาสู่โลก

ข่าวทั่วไป Wednesday September 30, 2015 16:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--WWF-ประเทศไทย ข้อตกลงการพัฒนาสากลฉบับใหม่ที่คาดว่าจะได้รับการอนุมัติในสัปดาห์นี้ จะช่วยให้ความหวังแก่นานาประเทศในการร่วมมือกันขจัดปัญหาความยากจนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก โดยประเทศสมาชิกสหประชาชาติทั้ง 193 ประเทศ จะทำการตกลงกันอย่างเป็นทางการถึงวาระพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2030 ในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะเป็นการร่วมมือกันของเหล่าผู้นำครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก โดยแผนการพัฒนาอย่างยั่งยืนนี้จะดำเนินตามเป้าหมายในการขจัดปัญหาความอดอยาก สร้างความมั่นคงทางอาหาร น้ำ และพลังงาน การวางมาตรการการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน การฟื้นฟูและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงแผนการสร้างเมืองสีเขียวขึ้นทั่วโลก ซึ่งต่างจากเป้าหมายของแผนการพัฒนาสหัสวรรษที่ผ่านมาของสหประชาชาติ ตรงที่กำหนดให้นานาประเทศต่างก็มีบทบาทหน้าที่ภายใต้แผนการดังกล่าว รวมถึงการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมในลำดับแรกๆ อยู่ตลอดทั้งการดำเนินการ "การร่วมมือกันของเหล่าผู้นำระดับโลกในครั้งนี้ จะเป็นการร่วมมือครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะปัญหาที่เรากำลังเผชิญนั้นก็เป็นสิ่งที่เร่งด่วนมากที่สุดด้วยเช่นกัน" นางโยลันดา กากาบัดเซ ประธานของ WWF International (กองทุนสัตว์ป่าโลก) กล่าว "นานาประเทศจะมาร่วมมือกัน เพราะในที่สุดทุกคนก็จะเห็นว่าสุขภาพของเศรษฐกิจ สุขภาพของสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของมนุษยชาติ ต่างเกี่ยวข้องกันตั้งแต่รากฐานของธรรมชาติ" ใน 15 ปี ของแผนการพัฒนานี้ จะขับเคลื่อนเงินทุนกว่าล้านล้านดอลลาร์ ทั้งของภาครัฐและเอกชนที่เป็นการใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด และสร้างตัวเลือกที่แตกต่างและมีประสิทธิภาพ เพราะมันจะเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเปลี่ยนทิศทางการลงทุนจากวิถีที่เป็นอันตรายและสิ้นเปลืองอย่างเช่นการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากพลังงาน (น้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ) ไปสู่การใช้เงินทุนภายใต้นโยบายอันเหมาะสมที่จะช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการดำรงชีพไปพร้อมๆ กัน โดยแผนการพัฒนานี้ ระบุให้ทุกประเทศจำเป็นต้องเสนอแผนการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงระบบการบริหาร ประกอบกับมาตรการสร้างความเชื่อมั่นในการสนับสนุนเงินทุนและการลงทุนของตน ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแผนการพัฒนาดังกล่าวด้วย "นี่เป็นการตกลงที่ดี และครอบคลุมกว่าที่เราคาดการณ์เอาไว้มาก แผนการพัฒนานี้จะเป็นจุดกำเนิดความหวังครั้งใหม่ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และฟื้นฟูโลกของเราได้" นางโยลันดา กล่าวเสริม "แผนการนี้เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดและความเจริญรุ่งเรืองของโลก โดยการยอมรับว่าบทบาทสำคัญของธรรมชาติคือการรักษาความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ดังนั้นการสร้างข้อตกลงในครั้งนี้จึงจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะทำให้ชีวิตของผู้คนทั่วโลกมีความสุขมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้น มั่นคงและมีความหวังมากขึ้น" โดยองค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 พันล้านคนภายในปี 2030 ซึ่งเป็นช่วงที่แผนการพัฒนานี้เริ่มดำเนินการ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ ทุกประเทศจำต้องเริ่มดำเนินการตามแผนทันทีหลังจากทำการอนุมัติ ซึ่ง WWF หวังว่านานาประเทศจะแสดงความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายในระดับเดียวกับที่แสดงออกขณะทำการตกลงขั้นต้นนี้ "ภารกิจที่วางแผนไว้ ไม่ใช่ภารกิจที่สำเร็จเสมอไป" นายดีออน เนล รักษาการผู้อำนวยการบริหารฝ่ายงานอนุรักษ์ของ WWF International กล่าว "ผู้นำระดับโลกทุกคนต่างเดินทางมุ่งสู่นครนิวยอร์กเพื่อบอกว่า "ฉันจะทำ" ตามแผนการรักษาโลกใบนี้ แต่การจะแสดงความมุ่งมั่นต่อแผนอย่างเป็นรูปธรรมนั้น พวกเขาจำเป็นที่ต้องดำเนินการตามวาระนั้นๆ ที่บ้านเกิดของตนอย่างจริงจังด้วย" ผลผลิตทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในภาวะยากจนนั้นได้มาจากธรรมชาติ ทั้งจากการทำการเกษตรกรรม การประมง และปศุสัตว์ ซึ่งส่งผลให้สิ่งแวดล้อมตกอยู่ความเสี่ยงอย่างร้ายแรงเป็นประวัติการณ์จากภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและการแสวงหาผลประโยชน์มากเกินควร แผนการพัฒนาปี 2030 นี้ จึงควรแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการเริ่มวางมาตรการปกป้องและรักษาท้องทะเล แหล่งน้ำจืด และผืนป่า รวมถึงสนับสนุนการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืนทั้งในเมืองและการทำการตลาดอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน "WWF ใช้เวลาหลายปี เพื่อผลักดันให้วาระด้านสิ่งแวดล้อมได้เข้าเป็นหนึ่งในภารกิจของแผนการพัฒนาฉบับนี้ เพื่อให้โอกาสที่ดีที่สุดที่จะทำให้มันประสบผลสำเร็จ" นายดีออน เนล กล่าว "ในขณะที่เหล่าผู้นำได้เดินทางมาร่วมลงนามในพันธสัญญาเข้าร่วมแผนการพัฒนาของสหประชาชาติฉบับนี้ WWF เองก็ขอทำพันธสัญญากับตนเองที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ รวมถึงชุมชนต่างๆ เพื่อที่จะได้เห็นผลสำเร็จของการดำเนินงานนี้ร่วมกัน" การสนับสนุนอย่างล้นหลามจากทุกฝ่ายรวมถึงความมั่นคงและชัดเจนของแผนการพัฒนา ได้สร้างมาตรฐานระดับสูงให้กับการประชุมว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังจะจัดขึ้น ปลายนี้ ณ กรุงปารีส โดยข้อตกลงสากลว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ดี จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบผลสำเร็จของแผนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาตินี้เป็นอย่างมาก ด้วยการรับมือกับอีกหนึ่งภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทั้งธรรมชาติและมนุษย์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ