กรุงเทพฯ--7 ต.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุมูจีแก ทำให้เกิดอุทกภัยใน 8 จังหวัด ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 5 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง นครสวรรค์ และนครนายก รวม 14 อำเภอ 17 ตำบล 52 หมู่บ้าน เบื้องต้น ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยออกปฏิบัติการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังพร้อมเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)เปิดเผยว่า จากภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุมูจีแก ส่งผลให้เกิดอุทกภัยใน 8 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี กำแพงเพชร นครสวรรค์ ระยอง จันทบุรี ตาก นครนายก และเพชรบูรณ์ รวม 14 อำเภอ 17 ตำบล 52 หมู่บ้าน มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน 1 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 5 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง นครสวรรค์ และนครนายก โดยจังหวัดระยอง เกิดน้ำท่วมขังบริเวณอำเภอบ้านฉาง และอำเภอนิคมพัฒนา ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และมวลน้ำจากตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนาได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่อำเภอเมืองระยอง จังหวัดนครสวรรค์ เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอไพศาลี อำเภอลาดยาว และอำเภอบรรพตพิสัย ปัจจุบันอำเภอไพศาลีสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จังหวัดนครนายก น้ำจากแม่น้ำนครนายกเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่อำเภอบ้านนา บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 50 หลังคาเรือน ปัจจุบันไม่มีฝนตกในพื้นที่แล้วสถานการณ์ภาพรวมทั้ง 3 จังหวัด ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง หากไม่มีฝนตกเพิ่มเติม คาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1 – 2 วัน ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยออกปฏิบัติการแก้ไขปัญหาสถานการณ์และให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง พร้อมเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำ รวมถึงจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจ
ประเมินและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ตลอดจนซ่อมแซมสาธารณูปโภคและสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว ทั้งนี้ ผู้ประสบภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th