สภากทม.แจ้งข่าวดีนักเรียนกทม.ทั้ง 431 โรงเรียนจะได้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคน

ข่าวเทคโนโลยี Thursday November 23, 2000 10:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--กทม.
นายกิตพล เชิดชูกิจกุล รองประธานคณะกรรมการการเศรษฐกิจและการคลัง สภากทม. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 43 ที่ผ่านมาคณะกรรมการฯได้รับการชี้แจงจากคณะกรรมการกำหนดทีโออาร์ “โครงการคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาของกรุงเทพมหานคร” ว่าได้มีการปรับปรุงแก้ไขทีโออาร์เพื่อสรรหาผู้ดำเนินการโครงการคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาฯ ใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่ทีโออาร์ฉบับใหม่นี้ จะทำให้นักเรียนจำนวนกว่า 200,000 คน ที่เรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครได้ใช้คอมพิวเตอร์เหมือนกันทุกคน ตั้งแต่เปิดเทอมปีการศึกษา 2544 นี้ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใหญ่หรือโรงเรียนเล็กที่มีนักเรียนไม่ถึง 100 คน
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้เพิ่มจำนวนคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากกว่า 7,000 เครื่อง และกระจายไปอย่างทั่วถึงทั้ง 431 โรงเรียน มากกว่าเดิมที่กำหนดเพียง 4,700 เครื่องสำหรับโรงเรียนขนาดใหญ่ 216 โรงเรียนและ 2 ศูนย์ฝึกอบรม โดยอยู่ในวงเงินงบประมาณเท่าเดิมคือ 750 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่ สภากทม.ได้เสนอแนะและผลักดันมาโดยตลอด อย่างไรก็ดี เนื่องจากแต่ละโรงเรียนมีจำนวนนักเรียนมากน้อยไม่เท่ากันการจัดสรรคอมพิวเตอร์ให้แต่ละโรงเรียนจึงจัดตามความเหมาะสม เช่น โรงเรียนที่มีนักเรียนไม่ถึง 100 คน จะได้ประมาณ 3-5 เครื่อง ขนาด 100-200 คน ได้ 6 เครื่อง ขนาด 200-300 คนได้ 12 เครื่อง ขนาด 300-400 คน จะได้ 15 เครื่อง ส่วนโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 400 คนขึ้นไปจะได้ประมาณ 20 เครื่อง เป็นต้น
นายกิตพลกล่าวด้วยว่า คณะกรรมการกำหนดทีโออาร์ฯได้มีการนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ตามที่สภากทม.ได้เสนอแนะไปปรับปรุงแก้ไขร่างทีโอการ์ฉบับเก่าเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับการใช้งานของนักเรียนอย่างแท้จริง ทั้งด้านเสปกเครื่อง อุปกรณ์ รวมทั้งซอฟท์แวร์หลักสูตรที่จะใช้สำหรับการเรียนการสอนของนักเรียน อาทิ การเรียนรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การใช้คอมพิวเตอร์ในโปรแกรมมาตรฐาน การเรียนภาษาซี สำหรับนักเรียนในระดับชั้นประถม 5-6 ที่สามารถเรียนรู้และฝึกการเขียนโปรแกรมการเรียนการสอนเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรต่อไป นอกจากนี้ยังรวมถึงการใช้อินเตอร์เน็ต โปรแกรมวาดรูปและอื่นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเศรษฐกิจและการคลังฯ ได้ตั้งข้อสังเกตให้คณะกรรมการกำหนดทีโออาร์ไปพิจารณาถึงเงื่อนไขการคิดอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมเนื่องจากโครงการนี้เป็นลักษณะการเช่าไม่ได้ซื้อ โดย ระบุว่าขณะนี้การกู้เงินจากธนาคารทั่วไปคิดอัตราดอกเบี้ย 8.5% สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี ซึ่งผ่อนชำระโดยมีอสังหาริมทรัพย์ที่มีค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ส่วนคอมพิวเตอร์เป็นสังหาริมทรัพย์ที่ค่าจะค่อยๆ ถอยลงเช่นเดียวกับรถยนต์ ดังนั้นการคิดอัตราดอกเบี้ยคอมพิวเตอร์จึงน่าจะคิดต่างกับการกู้เงินจากธนาคาร
อนึ่ง ที่ผ่านมาทางสภากทม.ได้มีการยื่นญัตติเพื่อขอให้ผู้บริหารกทม. ระงับการดำเนินการโครงการดังกล่าว เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการร่างทีโออาร์ใหม่ให้มีเงื่อนไขที่เอื้อให้นักเรียนทุกโรงเรียนในสังกัดกทม.ได้เรียนรู้คอมพิวเตอร์เหมือนๆกัน ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการกทม. มีความเห็นชอบด้วยจึงมอบหมายให้สำนักการศึกษาดำเนินการตามที่สภากทม.เสนอแนะดังกล่าว--จบ--
-นศ-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ