สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 06 พฤศจิกายน 2558 โดย YLG

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 6, 2015 17:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--พีอาร์ดีดี สภาวะตลาดวันที่ 06 พฤศจิกายน 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,104.15-1,110.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,750 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,750 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ15 อยู่ที่ 18,840 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,840 บาท (หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.42 น.ของวันที่ 06/11/15) แนวโน้มวันที่ 09 พฤศจิกายน 2558 นักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะผ่อนคลายนโยบายอีกครั้งในเดือนธันวาคม โดยจะเพิ่มขนาดหรือไม่ก็ขยายมาตรการกระตุ้น และ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ติดลบอยู่แล้วลงอีก แนวโน้มดังกล่าวกดดันทิศทางสกุลเงินยูโรให้อ่อนตัวลง และส่งผลเชิงลบต่อทิศทางราคาทองคำ โดยปัจจุบันอีซีบีอัดฉีดเม็ดเงินใหม่ 6.0 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนผ่านโครงการซื้อพันธบัตรตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่าน แต่เหมือนมาตรการดังกล่าวยังไม่เพียงพอ เมื่อข้อมูลของสถาบันวิจัยวัฏจักรเศรษฐกิจ (ECRI) รายงานว่า ดัชนีภาวะเงินเฟ้อในอนาคตของยูโรโซน (EZFIG) ลดลงสู่ 98.5 ในเดือนกันยายน จากระดับ 98.6 ในเดือนสิงหาคม อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งทำให้มีแรงกดดันให้อีซีบีผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป ทั้งนี้ รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจ ระบุว่า ดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มขยับขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เพราะว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินลงไปอีก ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวยังคงสร้างแรงขายเพิ่มขึ้นเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้น โพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอาจอยู่ที่ 98.1 ในช่วงสิ้นปีนี้ โดยเทียบกับระดับ 98.0 ในปัจจุบันและดัชนีดอลลาร์อาจพุ่งขึ้นสู่ 100.7 ในช่วงสิ้นปี 2016 ดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 9 % จากช่วงต้นปีนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในโพลล์รอยเตอร์ระบุว่า ทิศทางนโยบายที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารกลางกลุ่มนี้ คือปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อดอลลาร์ในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า โดยได้รับแรงหนุนจาการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ซึ่งกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่า หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านแรกได้ นักลงทุนอาจรอการอ่อนตัวลงของราคาค่อนเข้าซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น และแนะนำให้ติดตามทิศทางเศรษฐกิจเพื่อประกอบกการตัดสินใจลงทุน กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีแนะนำให้นักลงทุนจับตาบริเวณ 1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถยืนได้จะเกิดแรงซื้อที่ดันราคาให้ดีดตัวขึ้นไป อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,123 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเมื่อราคามีการปรับขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมาเช่นกัน ทั้งนี้ ระยะสั้นราคาทองคำยังมีแนวโน้มสร้างฐานราคา ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านโซน 1,132 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,102-1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนสามารถซื้อเก็งกำไร โดยตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณดังกล่าว ทองคำแท่ง (96.50%) แนวรับ 1,102 (18,540บาท) 1,090 (18,330บาท) 1,078 (18,130บาท) แนวต้าน 1,115 (18,760บาท) 1,123 (18,890บาท) 1,132 (19,050บาท) GOLD FUTURES (GFZ15) แนวรับ 1,102 (18,730บาท) 1,090 (18,530บาท) 1,078 (18,330บาท) แนวต้าน 1,115 (18,950บาท) 1,123 (19,090บาท) 1,132 (19,240บาท) หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888 สนใจลงทุนทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส สามารถติดตามสัมมนาทุกสัปดาห์ได้ที่ www.ylgbullion.co.th หรือ www.ylgfutures.co.th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9999 ต่อ 4148

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ