กรมประชาสงเคราะห์ร่วมมือกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น

ข่าวทั่วไป Friday June 2, 2000 15:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--กรมประชาสงเคราะห์
กรมประชาสงเคราะห์ร่วมมือกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหาความยากจนของผู้ด้อยโอกาส โดยเฉพาะสตรียากจน คนพิการ และผู้ถูกเลิกจ้างและว่างงาน
อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ นายอิระวัชร์ จันทรประเสริฐ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า กรมประชาสงเคราะห์ ได้ร่วมมือกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศในการดำเนินการโครงการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการจ้างงานและการประกอบธุรกิจ (Local Economic Development (LED) for Employmentand Enterprise Creation) เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและบุคคลรายได้น้อยที่ถูกเลิกจ้าง และว่างงานให้มีโอกาสในการมีงานทำและรายได้มากยิ่งขึ้น
นายอิระวัชร์ กล่าวว่าในปัจจุบันกรมประชาสงเคราะห์กำลังดำเนินโครงการให้ทุนประกอบอาชีพในรูปของเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยและเงินให้เปล่า 5 โครงการด้วยกัน ได้แก่ โครงการรวมกลุ่มประกอบอาชีพไทยช่วยไทย โครงการเงินทุนประชาเศรษฐกิจสงเคราะห์ 3 โครงการรวมกลุ่มประกอบอาชีพสตรี และโครงการเงินทุนประกอบอาชีพสำหรับคนพิการ
โครงการรวมกลุ่มประกอบอาชีพไทยช่วยไทยเป็นโครงการส่งเสริมให้บุคคล รายได้น้อยหรือว่างงานและประสบปัญหาทางการเงินจากวิกฤติเศรษฐกิจรวมกลุ่มกัน เพื่อลงทุนทำธุรกิจขนาดเล็ก โดยกรมประชาสงเคราะห์จะให้เงินทุนประกอบอาชีพแก่สมาชิกในกลุ่มคนละไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งเป็นเงินให้เปล่าโครงการเงินทุนประชาเศรษฐกิจสงเคราะห์ 3 เป็นโครงการให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยเพื่อการลงทุนประกอบอาชีพขนาดเล็กแก่สตรีด้อยโอกาสจำนวนไม่เกิน 10,000 บาท โครงการรวมกลุ่มประกอบอาชีพสตรี เป็นโครงการให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยสำหรับสตรีด้อยโอกาสที่รวมกลุ่มกันประกอบอาชีพขนาดเล็กจำนวนไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน โครงการเงินกู้สำหรับผู้ถูกเลิกจ้างและว่างงานเป็นโครงการให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยสำหรับผู้ถูกเลิกจ้างและว่างงานที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจขนาดเล็กจำนวนไม่เกิน 15,000 บาทต่อคนและโครงการเงินทุนประกอบอาชีพสำหรับคนพิการ เป็นโครงการให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยแก่คนพิการที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจขนาดเล็กจำนวนไม่เกิน 20,000 บาทต่อคน
เพื่อเสริมศักยภาพให้แก่เจ้าหน้าที่ของกรมประชาสงเคราะห์ในการส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระของผู้ด้อยโอกาสและผู้ถูกเลิกจ้างและว่างาน กรมประชาสงเคราะห์กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจึงขอความร่วมมือทางวิชาการจากคณะที่ปรึกษา สหวิทยาการภาคพื้นเอเซียตะวันออก (East AsiaMultidisplinary Advisory Team,EASMAT) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (InternationalLabour Organization,ILO) ในการเสริม-สร้างศักยภาพดังกล่าว
จากการหารือระหว่างผู้แทนกรมประชาสงเคราะห์และผู้แทนองค์การแรงงานระหว่างประเทศ กรมประชาสงเคราะห์และองค์การแรงงานระหว่างประเทศตกลงที่จะ ร่วมกันดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นโดยการส่งเสริมการประกอบธุรกิจขนาดเล็กและขนาดเล็กมาก (micro and small enterprises) ภายใต้ชื่อโครงการว่า "โครงการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการจ้างงานและการประกอบธุรกิจ"
การดำเนินการตามโครงการดังกล่าวเริ่มต้นด้วยการอบรมปฏิบัติการเรื่อง "การส่งเสริมความเข้มแข็งของโครงการให้ทุนประกอบอาชีพ โดยกรมประชาสงเคราะห์" ของ เจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์จากส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคจำนวน 20 คน โดยมี Mr.Gerry Finnegan ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านการพัฒนาและจัดการธุรกิจขนาดเล็กจาก องค์การแรงงานระหว่างประเทศเป็นวิทยากร การฝึกอบรมดังกล่าวมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาที่ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดเชียงใหม่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุปัญหาในการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับนโยบายและในระดับปฏิบัติ และเสริมศักยภาพของ ผู้เข้ารับการอบรมในการส่งเสริมการประกอบธุรกิจขนาดเล็กและเล็กมา
เนื้อหาในการฝึกอบรมเกี่ยวกับการส่งเสริมการประกอบธุรกิจขนาดเล็กและเล็กมาก การพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นการสร้างเครือข่าย การติดตามและประเมินผล การระบุโอกาสทางธุรกิจ และทักษะการประกอบธุรกิจขนาดเล็กต่างๆอนึ่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมส่วนใหญ่กล่าวว่าเนื้อหาของการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการจะทำให้พวกเขาสามารถให้คำแนะ-นำแก่ผู้รับทุนประกอบอาชีพเกี่ยวกับการระบุโอกาสทางธุรกิจ การบริหารจัดการธุรกิจขนาดเล็กและการตลาดได้ดียิ่งขึ้นทั้งนี้ผู้ด้อยโอกาสส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ เนื่องจากขาดทักษะทางด้านการตลาด
หลังจากนั้นผู้เชี่ยวชาญองค์การแรงงานระหว่างประเทศและกรมประชาสงเคราะห์จะร่วมกันจัดทำคู่มือในการส่งเสริมการประกอบธุรกิจขนาดเล็กและขนาดเล็กมากสำหรับเจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์ และจัดแปลเป็นภาษาไทย เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์ใช้ประโยชน์ในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจาก 76 จังหวัดทั่วประเทศและจากส่วนกลางจำนวนประมาณ 100 คน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นสามารถดำเนินการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอและผู้นำชุมชนในระดับตำบลและหมู่บ้านต่อไป--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ