กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--พีอาร์ดีดี
สภาวะตลาดวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,086.10-1,089.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,550 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาเปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,550 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ15 อยู่ที่ 18,620 บาท โดยราคาอ่อนตัวลง 30 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,650 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 17.04 น.ของวันที่ 12/11/15)
แนวโน้มวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558
รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วหลายมาตรการนับตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งรวมถึงการเร่งรัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน, การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และการปรับลดการวางเงินดาวน์สำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรก เพื่อลดความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนสกัดช่วง ทั้งนี้ คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ของจีนเปิดเผยว่า จีนจะเร่งรัดการอนุมัติโครงการลงทุนในไตรมาส 4 ของ ปี2558 ในขณะที่จีนจำเป็นต้องพึ่งพาการลงทุนเพื่อทำให้ เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพต่อไปในระยะสั้น ซึ่งประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนไม่มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวรุนแรง ความกังวลที่ลดลงส่งผลให้ทองคำขาดแรงหนุนประกอบกับ นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการสะสมทองคำเพิ่มเติม จากกระแสแนวโน้มราคาทองคำมีแนวโน้มร่วงผ่านแนวรับสำคัญทางเทคนิคที่ 1,077 ดอลลาร์ ซึ่งตรงกับจุดต่ำสุดรอบ 5 ปีครึ่ง หลังจากราคาทองเพิ่งดิ่งลงเกือบ 5 % ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ได้สร้างระดับต่ำสุดครั้งใหม่ที่ 1,083.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งลงไปแตะจุดต่ำสุดรอบกว่า 3 เดือน ทั้งนี้ นักลงทุนปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธันวาคม ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)กำลังพิจารณาอย่างเร่งด่วนว่าจะสามารถดำเนินการใดได้เพื่อปรับปรุงโครงการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากได้ดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาล แต่เศรษฐกิจของยูโรโซนขยายตัวเพียงเล็กน้อย และ ซึ่งหากราคาทองคำยังไม่สามารถทะลุโซน 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปได้ ต้องระมัดระวังแรงกดดันซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอ่อนตัวของราคาทองคำได้อีก ซึ่งในช่วงเวลานี้ต้องเน้นไปที่การเก็งกำไรระยะสั้นพร้อมทั้งมีจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน ในขณะที่หากต้องการเข้าซื้อทองคำให้รอจังหวะการอ่อนตัวลงมาบริเวณ 1,077 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,093 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนให้เน้นไปที่การเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,077 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,069-1,060 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,077 (18,270บาท) 1,069 (18,140บาท) 1,060 (17,980บาท)
แนวต้าน 1,093 (18,570บาท) 1,100 (18,670บาท) 1,110 (18,840บาท)
GOLD FUTURES (GFZ15)
แนวรับ 1,077 (18,450บาท) 1,069 (18,310บาท) 1,060 (18,160บาท)
แนวต้าน 1,093 (18,720บาท) 1,100 (18,840บาท) 1,110 (19,010บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888
สนใจลงทุนทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส สามารถติดตามสัมมนาทุกสัปดาห์ได้ที่ www.ylgbullion.co.th หรือ www.ylgfutures.co.th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9999 ต่อ 4148