NCL โชว์แผนธุรกิจปี’59 เน้นขยายฐานลูกค้า-ลุยธุรกิจใหม่ ตั้งเป้าปั๊มรายได้โต 20-30% พร้อมเทิร์นอะราวด์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 8, 2015 11:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ธ.ค.--IR network บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL)) เปิดแผนธุรกิจปี'59 เน้นขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 20-30% ส่วนปี'58 มั่นใจรายได้โตตามเป้า 1,000 ล้านบาท "กิตติ พัวถาวรสกุล" เผยถึงเวลางบพลิกฟื้นเทิร์นอะราวด์ไตรมาส4/58 หลังยกเลิกให้บริการท่าเรือระนองไปย่างกุ้ง แถมมีรายได้จากบริษัทย่อยที่สิงค์โป เดินหน้าเปิดตัวธุรกิจใหม่ SOC สานต่อต่อธุรกิจเดิมให้แข็งแกร่งมากกว่าที่เป็นอยู่ นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (NCL) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจปี 2559 ว่า บริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20-30% จากฐานลูกค้าเก่าและลูกค้ารายใหม่ๆ ที่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ดำเนินธุรกิจ Shipper Own Container :SOC ซึ่งเป็นการให้บริการที่ครบวงจรตามแบบสายเรือทั่วไป โดยมีตู้ขนส่งและระวางเรือของบริษัทเอง แต่มิได้มีเรือเป็นของตัวเอง จากปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือเท่านั้น ซึ่งจุดเด่นของบริการใหม่นี้บริษัทจะให้บริการเรือที่เดินเรือตรงสู่ปลายทางเป็นหลัก ทำให้ลูกค้าไม่ประสบปัญหาการตกเรือยังท่าเทียบเรือ (T/S PORT) อีกทั้งบริษัทยังมีระวางตู้จากสายเรือที่ไม่จำกัด สามารถให้บริการ และตอบสนองต่อการขนส่งปริมาณมากๆ ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยมีแผนที่จะขยายปริมาณตู้เพิ่มขึ้นอีกในปี 2559 จากปัจจุบันมีตู้ขนส่งประมาณ 1,000 ตู้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญบริการใหม่นี้สามารถให้บริการที่ครอบคลุมมากถึง 20 ประเทศ และ NCL ถือเป็นรายแรกของประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจโดยมีเจ้าของเป็นคนไทย อย่างไรก็ตามปี 2558 คาดว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าที่ 1,000 ล้านบาท แม้ผลประกอบการในไตรมาส 3/2558 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 ของบริษัทและบริษัทย่อย จะมีผลขาดทุนสุทธิ 36.02 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 252.32 ล้านบาท แต่เชื่อว่าในไตรมาส 4/2558 จะพลิกกลับมามีกำไรได้ เนื่องจาก NCL ได้ยกเลิกการให้บริการขนส่งสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์จากท่าเรือระนองไปยังท่าเรือย่างกุ้ง ประกอบรายได้ที่เพิ่มเข้ามาจากการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทย่อยที่สิงคโปร์ "หลังจากที่เราใช้นโยบายเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างเข้มข้น อีกทั้งสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมั่นใจว่าผลการดำเนินงานปี 2559 จะพลิกกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ " นายกิตติกล่าวในที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ