ธนาคารทหารไทยเตรียมโอนหนี้ 50,000 ล้านบาทให้เอเอ็มซี

ข่าวทั่วไป Monday September 11, 2000 14:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--ธ.ทหารไทย
นางวัลลภา อัสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายในสิ้นเดือนนี้หรืออย่างช้าต้นเดือนหน้า ธนาคารจะสามารถโอนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ พญาไท จำกัด (เอเอ็มซีพญาไท) ได้ครั้งแรก หนี้ที่โอนไปส่วนใหญ่จะเป็นลูกหนี้รายย่อยมากกว่า และเป็นลูกหนี้ที่ค้างชำระติดต่อกันเป็นเวลา 12 เดือน จัดว่า เป็นหนี้ที่มีโอกาสฟื้นยาก ไม่มีหลักประกัน หรือเป็นหนี้ที่ตายแล้ว การโอนไปในแต่ละครั้งจะโอนทั้งหนี้และสินทรัพย์ แต่ทั้งนี้ธนาคารได้ทำการตั้งสำรองไว้ครบแล้ว
การโอนหนี้ไปยังเอเอ็มซี ธนาคารจำเป็นต้องโอนไปเป็นงวด ๆ เพราะจะง่ายต่อการบริหารจัดการ เนื่องจากลูกค้าแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถระบุได้ว่าจำนวนหนี้ที่โอนไปยังเอเอ็มซีทั้งหมดจะเป็นจำนวนเท่าไรแม้ว่าก่อนหน้านี้ธนาคารเคยระบุไว้ที่ 50,000 ล้านบาท สำหรับเอเอ็มซีของธนาคารได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ปัจจุบัน ธนาคารอยู่ระหว่างจัดกำลังคน ในเบื้องต้นธนาคารจะดำเนินการเองหมดทุกอย่าง ทั้งเรื่องหลักเกณฑ์ โดยเอเอ็มซีจะใช้พนักงานไม่ถึง 200 คน ซึ่งพนักงานของธนาคารที่ลาออกไปอยู่เอเอ็มซี จะได้รับเงินเดือนที่สูงกว่าอยู่ที่ธนาคาร เนื่องจากมีความเสี่ยงมากกว่า และต้องทำงานอย่างหนัก เพราะต้องมียอดในการแก้ไขหนี้ ซึ่งผลงานในการแก้ไขหนี้ก็อาจจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากพนักงานรายใดที่ไม่ขอลาออกจากธนาคารแต่ไปอยู่เอเอ็มซี หลังดำเนินการแก้ไขหนี้ได้สำเร็จ ก็สามารถที่จะกลับมาทำงานกับธนาคารได้เหมือนเดิม ซึ่งธนาคารจะให้พนักงานเลือก 2 แนวทาง
ทั้งนี้ธนาคารจะพิจารณาพนักงานที่เคยแก้หนี้เดิมอยู่แล้ว ส่วนกรรมการผู้จัดการ เอเอ็มซี และบุคคลสำคัญในการจัดการและบริหารเอเอ็มซี ขณะนี้มีแล้ว และธนาคารยืนยันว่าจะใช้คนของธนาคารทั้งหมด เพราะมีความรู้และเข้าใจลูกหนี้ดีกว่าบุคคลภายนอก และที่สำคัญมีข้อมูลอยู่แล้ว
สำหรับความคืบหน้าในการจัดโครงสร้างองค์กรหลังธนาคารได้ว่าจ้างให้ บริษัท BOSTAN CONSOULTANT GROUP (BCG) นั้น จนถึงขณะนี้ มีความคืบหน้าไปบ้างแล้ว โดยหัวใจหลัก ๆ ยังเน้นไปที่การปรับปรุงสาขาใหม่ โดยให้พนักงานสาขาทำหน้าที่เป็นพนักงานขายผลิตภัณฑ์ทุกอย่าง โดยจะเริ่มในเขตกรุงเทพฯ ก่อน เพราะเหมาะสมที่สุด ซึ่งจะมีระยะเวลาในเบื้องต้น 6 เดือน นับจากเดือน ก.ย. นี้เป็นต้นไป ส่วนขนาดของสาขาก็จะมีขนาดที่เล็กลง และอาจมีการดึงงานบางอย่างของสาขาที่ใกล้เคียงกันมารวมอยู่ด้วยกัน โดยจะมีการกำหนดเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนขึ้น และมีการกำหนดแรงจูงใจให้กับพนักงานอีกด้วย--จบ--
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ