กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--เซเรบอส (ประเทศไทย)
เซเรบอส ระเบิดแคมเปญ “ส่งฝาแบรนด์ ได้บุญล้นโชคใหญ่” ตอกย้ำความคิดและปรัชญาของแบรนด์ในฐานะที่เป็นเพื่อนแท้ห่วงใยทุกช่วงวัยของชีวิต พร้อมด้วยกระต้นจิตสำนึกในสังคม
นางสาวลักขณา ลีละยุทธโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด แบรนด์ซุปไก่สกัด แบรนด์รังนกแท้ และวีต้าพรุนสกัดเข้มข้น เปิดเผยว่า บริษัท เซเรบอส จัดให้มีกิจกรรม “ส่งฝาแบรนด์ ได้บุญล้นโชคใหญ่” ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อตอกย้ำแนวคิดและปรัชญาของ “แบรนด์” ในฐานะเพื่อนแท้ผู้ห่วงใยทุกช่วงวัยของชีวิต นอกจากนี้ แบรนด์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและความแข็งแรงทางร่างกายกับทุกวัยด้วย และยังเป็นตัวอย่างที่ดีในการนำวัสดุเหลือใช้นำกลับมาทำประโยชน์เพื่อสังคม รวมทั้งยังช่วยเสริมสร้างภาพพจน์ที่ดีต่อผลิตภัณฑ์ “แบรนด์” ในสายตาของลูกค้าอีกด้วย
ทางบริษัทมีการส่งเสริมการขายคืนกำไรให้กับผู้บริโภคเป็นประจำทุกปี และในปีนี้ทางบริษัทได้จัดกิจกรรมครั้งยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากแบรนด์มีความปราถรนาที่จะสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนในการจัดเก็บขยะ นำวัสดุเหลือใช้มารีไซเคิลเพื่อช่วยเหลือผู้พิการขาขาดทั่วประเทศเป็นการลดมลภาวะ และเป็นการตอบแทนสังคม ตอบแทนผู้บริโภค จึงได้มีความพยายามที่จะรณรงค์ให้ผู้บริโภคแบรนด์นำฝาส่งมาที่บริษัท โดยฝาสามารถที่จะนำไปหลอมสร้างอุปกรณ์ขาเทียมให้กับผู้พิการได้ เพราะฝาแบรนด์เป็นฝาที่ทำจากอะลูมิเนียมที่บริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังเป็นการปลุกจิตสำนึกในสังคมให้ตระหนักต่อเพื่อนร่วมชาติ ที่ยังต้องการความช่วยเหลือจากเรา
นางสาวลักขณา กล่าวว่า “การจัดแคมเปญนี้ขึ้นมาเพื่อต้องการที่จะช่วยเหลือคนอีกกล่มหนึ่งที่สังคมอาจจะไม่ได้ตระหนักถึง และถ้ามองในอีกแง่แล้วการที่บริษัทเอกชนต่างๆ ต่างตื่นตัวเข้ามาร่วมมือช่วยเหลือกันสร้างสิ่งที่ดีๆ แก่ประเทศชาติ การที่บริษัทเอกชนเข้ามามีส่วนช่วยรัฐบาลเป็นแนวโน้มที่ดี เพราะเราต่างเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ไม่ว่าจะมองในแง่ขององค์กร หรือบุคคล โดยทุกอย่างรวมกันเป็นหน่วยหนึ่งของสังคม”
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของการโปรโมชั่นนั้น ได้มีการวางแผนในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ประมาณกว่า 20 ล้านบาท โดยใช้สื่อต่างๆ เช่น สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ด้วย โดยระยะเวลาของแคมเปญนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย 2543 ถึง 28 ก.พ 2544
การรณรงค์ในครั้งนี้ สิ่งที่ต้องการเน้นและตอกย้ำ คือ การปลูกจิตสำนึกในการช่วยเหลือคนในสังคม และการทำรีไซเคิล ช่วยลดปริมาณขยะ โดยเขียนชื่อ ที่อยู่ และรายละเอียดต่างๆ ลงบนกล่องเดี่ยวของผลิตภัณฑ์แบรนด์ชนิดใดก็ได้ พร้อมแนบฝาขวดผลิตภัณฑ์แบรนด์ชนิดใดก็ได้ 1 ฝา ส่งเข้ามาที่กล่องรับชิ้นส่วนตามห้างสรรพสินค้า และตู้ ปณก. 42 กรุงเทพฯ 10501 ซึ่งได้ทั้งบุญและล้นโชค
โครงการ ฝาแบรนด์ สร้างขาเทียม เฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า นอกจากมีส่งฝาแบรนด์ล้นโชคแล้ว ยังมีกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ 1. การแสดงโชว์ประติมากรรมโลหะผสมอะครีลิกเป็นรูปขาเทียมขนาดใหญ่ 2. การจับฉลากรายชื่อผู้โชคดีสำหรับผู้ที่ส่งฝาแบรนด์เข้ามาร่วมรายการส่งเสริมการขาย เพื่อนำฝาแบรนด์ไปหลอมสร้างเป็นส่วนประกอบของขาเทียม 3. มี การส่งมอบฝาแบรนด์เพื่อนำไปหลอมในการทำขาเทียมต่อไป โดยมอบให้กับทางมูลนิธิฯ
“ทั้งนี้ คาดว่าฝาแบรนด์ที่จะส่งกลับคืนมาประมาณ 4,000,000 ฝา และเพื่อที่จะนำไปหลอมเพื่อที่จะส่งมอบให้กับทางมูลนิธิขาเทียมต่อไป และด้านรางวัลนั้นรวมแล้วมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท โดยรางวัลที่ 1 สมุดบัญชีเงินฝาก 1 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล รางวัลที่ 2 สมุดบัญชีเงินฝากจำนวนเงิน 100,000 บาท จำนวน 2 รางวัล รางวัลที่ 3 สมุดบัญชีเงินฝาก 10,000 บาท จำนวน 30 รางวัล และรางวัลที่ 4 สมุดบัญชีเงินฝาก 1,000 บาท จำนวน 500 รางวัล” ประธานกรรมการบริหารกล่าว
รศ.น.พ.เทอดชัย ชีวะเกตุ เลขาธิการ มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กล่าวว่า มูลนิธิขาเทียม เป็นมูลนิธิที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งขึ้น ในปี 2535 โดยมีพระองค์ท่านรับเป็นองค์ประธานกิตติมศักดิ์ และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นองค์ประธาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำขาเทียมให้แก่ผู้ป่วยยากจนทุกเชื้อชาติ ศาสนา โดยไม่คิดมูลค่า ผลิตชิ้นส่วนขาเทียมให้แก่หน่วยงานที่สามารถทำขาเทียมได้เพื่อหน่วยงานนั้น จะทำขาเทียมให้ผู้ป่วยโดยไม่คิดมูลค่า พร้อมกันนี้ยังจัดหาอุปกรณ์เพิ่ม เพื่อให้ผู้ที่ใส่ขาเทียมแล้วมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถประกอบอาชีพได้ และยังได้ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ช่างขาเทียมที่ปฏิบัติงานตามโรงพยาบาลต่างๆ ให้สามารถทำขาเทียมตามแบบของมูลนิธิฯ รวมทั้งดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือร่วมมือกับองค์การกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์
โดยภายหนึ่งปีทางมูลนิธิขาเทียมจะจัดหน่วยออกไปบริการในท้องที่ต่างๆ ทั่วประเทศปีหนึ่งประมาณ 7-8 ครั้ง และในระยะ 7 ปีที่ผ่านมา ได้จัดหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ไปทำขาเทียมยังท้องที่ต่างๆ แล้ว 55 ครั้ง ใน 44 จังหวัด สามารถทำขาเทียมให้ผู้พิการขาขาด จำนวน 7,455 ขา นอกจากนี้ยังซ่อมแซมขาที่ชำรุดให้ใช้การได้ดี จำนวน 1,698 ขา
ซึ่งจากสถิติพบว่ามีผู้ขาขาดในประเทศมีจำนวนประมาณ 30,000 คน ในการทำขาเทียมนี้มีความจำเป็นจะต้องซื้ออะลูมิเนียมจากบริษัทขายอะลูมิเนียม เพื่อนำไปกลึงหรือหลอม และจัดขึ้นรูปเพื่อผลิตขาเทียมในปีหนึ่งๆ เป็นจำนวนมาก การที่ทางโครงการฝาแบรนด์ สร้างขาเทียม เฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า ได้จัดกิจกรรมดังกล่าวนั้น จึงเป็นการโอกาสอันดีที่ทางมูลนิธิฯ จะได้มีวัสดุอุปกรณ์ในการทำขาเทียมเพิ่มมากขึ้น--จบ--
-สส-