เนื่องในวันมะเร็งโลก 4 ก.พ. มะเร็งภัยเงียบที่ป้องกันได้

ข่าวทั่วไป Tuesday January 26, 2016 15:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ม.ค.--ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ "มะเร็ง" ภัยเงียบที่ป้องกันได้ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปีถูกกำหนดให้เป็น "วันมะเร็งโลก (World Cancer Day)" โดยองค์การอนามัยโลกและสมาพันธ์ควบคุมโรคมะเร็งสากล ด้วยต้องการให้สาธารณชนตระหนักถึงอันตรายของโรคมะเร็ง ภัยเงียบใกล้ตัวที่ปัจจุบันกลายมาเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของผู้คนทั่วโลก และรณรงค์ให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพของตนเองและคนใกล้ชิด เพื่อลดอัตราการตายและความเสี่ยงในการเกิดโรค ปัจจุบันทั่วโลกมีคนเสียชีวิตจากโรคมะเร็งประมาณ 8.2 ล้านคนต่อปี ซึ่งในจำนวนนี้ 4 ล้านคนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยอายุระหว่าง 30 – 69 ปี สะท้อนถึงแนวโน้มการเกิดโรคมากขึ้นในกลุ่มคนวัยทำงาน อันสืบเนื่องมาจากวิถีการดำเนินชีวิตยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ด้านสถานการณ์โรคมะเร็งในไทยยังรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า มะเร็งยังเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนไทยต่อเนื่องมานานกว่า 13 ปี นับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ล่าสุดในปี 2556 มีคนไทยเสียชีวิตจากโรคนี้ถึงปีละกว่า 67,000 คน หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 คน และพบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยราว 120,000 คนต่อปี 5 อันดับแรกของมะเร็งที่พบบ่อยในชายไทยคือ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ส่วนมะเร็งยอดฮิตในกลุ่มหญิงไทย ได้แก่ มะเร็ง เต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ดูแลสุขภาพตามแนวภูมิสมดุล ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา นักวิทยาศาสตร์ไทยคนแรกผู้คิดค้นวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันให้สมดุล(Balancing Immunity) จากสารสกัดพืชไทย 5 ชนิดเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง ระบุว่า มะเร็งเป็นโรคที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นไปที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอกถือเป็นสาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เซลล์ในร่างกายเกิดความผิดปกติก่อให้เกิดมะเร็งส่วนมากในปัจจุบัน อาทิ พฤติกรรมการกินเนื้อสัตว์ประเภทปิ้งย่าง อาหารทอดไขมันสูง หรือรับประทานอาหารซ้ำๆ การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา ความเครียดรวมถึงการได้รับรังสี ติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย พยาธิ และความผิดปกติในร่างกาย เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม ความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น โดย 5 กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นมะเร็งสูง ได้แก่ คนอ้วน ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มสุราเป็นประจำ รวมถึงคนที่ไม่ออกกำลังกาย และผู้ที่ไม่กินผักผลไม้สด "ในร่างกายของเราทุกคนมีเซลล์ที่พร้อมจะกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ หากเซลล์นั้นเกิดความผิดปกติหรือมีปัจจัยมากระตุ้นให้เกิดความผิดปกติ ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุล แนวคิดการดูแลสุขภาพด้วยการสร้างภูมิสมดุลนี้พัฒนามาจากศาสตร์การแพทย์สาขาภูมิคุ้มกันวิทยา ซึ่งจะปล่อยให้ กลไก "ธรรมชาติ" ทำหน้าที่ฟื้นฟูร่างกายด้วยตัวเอง" ศ.ดร.พิเชษฐ์ แจงว่า คนเรามีเม็ดเลือดขาวอยู่ประมาณ 20,000 - 55,000 ล้านเม็ด ถือเป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่มากที่ธรรมชาติสร้างขึ้นให้เรา เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมเพียงพอที่จะต่อกรและเอาชนะโรคภัยได้ จุดนี้เองทำให้ศ.ดร.พิเชษฐ์ เห็นว่าการสร้างภูมิคุ้มกันให้สมดุลมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพิชิตไวรัสและโรคร้ายต่างๆ จนเป็นที่มาของการศึกษาค้นคว้านานกว่า 38 ปี พัฒนาสารสกัดจากพืชไทย 5 ชนิด "APCOcap" ได้แก่ มังคุด ถั่วเหลือง งาดำ ฝรั่ง และบัวบก ซึ่งเมื่อออกฤทธิ์เสริมกันจะมีผลทำให้เพิ่มระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายให้กลับสู่ภาวะสมดุล งานวิจัยนี้นับว่าเป็นมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ที่เป็นมะเร็งกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติและมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นอย่างยั่งยืน โดยนวัตกรรม APCOcap จะทำหน้าที่เสมือนเป็นวัคซีนธรรมชาติกระตุ้นเม็ดเลือดขาวชนิด Th1, Th17 และTh9 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดเลือดขาวชนิด Th17 ถูกกระตุ้นเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายของเรากลับเข้าสู่ภาวะสมดุลจนสามารถรับมือกับโรคได้เอง มะเร็งเปลี่ยนชีวิต เกือบ 5 ปีที่แล้ว สุภัสสรา เอมเอก พยาบาลวัย 51 ปี ต้องผ่านชีวิตแต่ละวันด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากพบว่าป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 4 อีกทั้งเซลล์ร้ายยังแพร่กระจายไปกัดกินกระดูกขาขาดจนเดินไม่ได้ "หมอให้รักษาด้วยเคมีบำบัดไป 8 คอร์ส ช่วงนั้นทรมานมากจากผลข้างเคียง ทั้งผมร่วง อ่อนเพลียไม่มีแรง น้ำหนักลดเพราะทานไม่ลง ยิ่งมะเร็งลามไปที่ขาก็ต้องผ่าตัดเพิ่มอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ จะเดินก็ต้องใช้ไม้ค้ำยัน แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งปวด ทรมานมากคิดว่าคงต้องเป็นอย่างนี้ไปตลอด" "แต่คิดอีกด้านด้วยใจที่มีสติ เป็นมะเร็งก็มีข้อดีหลายอย่าง ทำให้เราเห็นโลกในมุมที่ต่างจากเดิมและมีโอกาสดูแลตัวเองมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน สอนให้เรารู้จักทะนุถนอมทุกนาทีและความสุขเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และพิจารณาว่าชีวิตที่ผ่านมาคุ้มค่าแล้วหรือยัง ทำให้เตรียมตัวรับความตายได้อย่างมีสติ" สุภัสสราให้ข้อคิดอย่างน่าสนใจ ถึงวันนี้ผลการตรวจติดตามผลระบุว่าเธอปลอดจากล์มะเร็งแล้ว สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติเหมือนคนทั่วไปและเดินได้เหมือนเดิมแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ศ.ดร.พิเชษฐ์ บอกว่า "สุขภาพดีเราเลือกได้สำคัญอยู่ที่วินัยการดูแลตัวเอง เพราะมะเร็งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทาน การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ หลีกหนีความเสี่ยงต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดโรค และไม่ควรละเลยตรวจร่างกายเป็นประจำ ถือเป็นการเตรียมตัวรับมือกับมะเร็งที่ดีที่สุดแล้ว"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ