กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--ธามดี พลัส
บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส เผยแผนการดำเนินงานปี 2559 ตั้งเป้ายอดเติมเงิน 21,000 ล้านบาทและตู้บุญเติม ณ สิ้นปี 2559 จำนวน 90,000 ตู้ทั่วประเทศ ขยายตู้เพิ่มอีก 24,000 ตู้ ทั้งตู้เติมเงินออนไลน์บุญเติมพร้อมเครื่องชั่งน้ำหนักรวมถึงตู้บุญเติมประเภทอื่น ๆ กระจายลงตลาดต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอบริการใหม่ๆหน้าตู้เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ผู้บริหารย้ำขยายจำนวนตู้พร้อมรักษาระดับยอดเติมเงินต่อเดือนให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจตู้เติมเงินระบบแฟรนไชส์แบบยั่งยืน พร้อมลุยจัดโปรชั่นส่งเสริมการขายแจกของรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
นายสมชัย สูงสว่าง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) "FSMART" ผู้นำช่องทางการชำระเงินที่มีเครือข่ายมากที่สุดในประเทศไทยผ่าน "ตู้เติมเงินออนไลน์บุญเติม" เปิดเผยว่า การดำเนินงานในปี 2559 บริษัทตั้งเป้ายอดเติมเงินไว้ที่ 21,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 40% จากเป้าหมายปี 2558 ที่ 15,000 ล้านบาท โดยการเติบโตดังกล่าวจะมาจากการขยายตู้เติมเงินเพิ่มขึ้นอีก 24,000 ตู้ จากปัจจุบันบริษัทมีตู้เติมเงินประมาณ 66,000 ตู้และผู้ใช้บริการเฉลี่ย 1,500,000 ล้านรายการต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2559 บริษัทจะมีตู้เติมเงินออนไลน์ทั่วประเทศ 90,000 ตู้ สามารถรองรับปริมาณความต้องการและการใช้งานของผู้ใช้ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
โดยจำนวนตู้ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ส่วนใหญ่ยังเป็นตู้เติมเงินออนไลน์บุญเติมที่ติดตั้งพร้อมกับเครื่องชั่งน้ำหนัก รวมถึงตู้บุญเติมประเภทอื่นๆ ที่สามารถให้บริการเติมเงินและให้บริการอื่นๆเพิ่มเติม อาทิ ตู้บุญเติมเคาน์เตอร์เซอร์วิสที่รับชำระค่าบริการรายเดือนต่างๆได้ ตู้บุญเติมกดน้ำดื่มสะอาด RO ที่จะทยอยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นการขยายพื้นที่ต่างจังหวัดจากเครือข่ายตัวแทนบริการที่แข็งแกร่งของบริษัทกว่า 200 รายครอบคลุมทั่วประเทศไทย
นอกจากนี้ บริษัทจะขยายตู้เติมเงินไปพร้อมกับสาขาของพันธมิตรที่ร่วมมือกันก่อนหน้านี้ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) "PTG" บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) "SAWAD" ซึ่งบริษัทจะเลือกทำเลที่มีศักยภาพในติดตั้งเพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน และผลตอบแทนที่ดีต่อตัวแทนบริการ ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทได้ข้อตกลงในการติดตั้งตู้บุญเติมผ่านร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาใน 5 จังหวัดแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้ทำการติดตั้งไปแล้ว 40 สาขาจาก 100 สาขาที่มีการร่วมตกลงกันไว้ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้จำนวนตู้เติมเงินเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นายสมชัย กล่าวว่า นอกเหนือจากการเพิ่มจำนวนตู้ที่จะส่งผลต่อยอดเติมเงินของบริษัทแล้ว การเพิ่มบริการใหม่ๆหน้าตู้เติมเงินถือเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทนอกเหนือจากรายได้การเติมเงินมือถือที่เป็นรายได้หลักกว่า 95% เช่น การบริการโอนเงินที่เน้นให้ความสะดวกแก่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการโอนเงินจำนวนไม่มาก จากจุดเด่นของตู้บุญเติมที่สามารถเข้าถึงได้ทุกชุมชน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนเจรจากับธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
"ในปีนี้เป้าหมายยอดเติมเงินที่ 21,000 ล้านบาทที่เพิ่มขึ้น เราคาดการณ์จากการขยายตู้เติมเงินเพิ่มขึ้นอีก 24,000ตู้ จากความต้องการที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากตัวแทนที่เห็นถึงโอกาสจากทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ เพราะเราต้องการให้ตัวแทนบริการเติบโตในธุรกิจแบบยั่งยืน ขณะที่ยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆที่ให้ความสนใจเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญก็คือ การขยายตู้พร้อมรักษาระดับยอดเติมเงินต่อเดือนให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้เราเชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้การติดตั้งตู้เติมเงินและยอดเติมเงินเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนการโอนเงินถือเป็นการบริการใหม่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ จากผู้ใช้งานสามารถใช้บริการจากตู้เติมเงินครอบคลุมอยู่ทั่วประเทศ"นายสมชัย กล่าว
สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในนี้จะทำต่อเนื่องด้วยโครงการ "เติมสนุก เก็บแต้มสนั่น ลุ้นทองมันส์กันทุกเดือน ปี2" เพื่อแลกรับของรางวัลทองคำมูลค่า 10,000 บาทและของรางวัลอื่นๆตามกติกาการร่วมสนุกที่สามารถดูรายละเอียดได้จากหน้าตู้เติมเงิน โดยเริ่มตั้งแต่มกราคม2559 – 30 มิ.ย. 2559 ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้บริการเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทเชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากในปีที่ผ่านมาสามารถติดตั้งตู้เติมเงินได้มากกว่า 65,000 ตู้ เกินจากเป้าหมายที่ 60,000 ตู้ ซึ่งคาดว่าจะมียอดเติมเงินเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติมเงินไว้ที่ 15,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ยังมาจากการเติมเงินมือถือ ขณะที่ในส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น รายได้จากการเติมเงินอื่น ๆ รายได้จากการโฆษณา รายได้จากการรับชำระค่าบริการ และรายได้จากการขายสินค้า มีการเติบโตขึ้นตามลำดับ