กรุงเทพฯ--29 ส.ค.--อย.
อย.แจง คุม ยาซีบูทรามีน ยาลดความอ้วน อย่างเข้มงวด ให้เป็นยาควบคุมพิเศษที่ต้องมีรายงานการนำเข้าทุกครั้ง รายงานการจำหน่ายทุกเดือน ขายตามใบสั่งแพทย์เฉพาะในสถานพยาบาล และติดตามความปลอดภัยในสถานพยาบาล 2 ปี
น.พ.วิชัย โชควิวัฒน เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยถึงกรณีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับยาซีบูทรามีน (Sibutramine) ซึ่งเป็นยารักษาเสริม (Supportive treatment) ในแผนการลดน้ำหนักสำหรับโรคอ้วนหรือผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกิน ว่าควรจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทมากกว่ายาควบคุมพิเศษ นั้น ในความเป็นจริงแล้วการจะพิจารณากำหนดการควบคุมวัตถุออกฤทธิ์ฯ จะใช้เกณฑ์ว่า เป็นวัตถุที่ทำให้เกิดการพึ่งพิงยามีฤทธิ์กระตุ้นหรือกดระบบประสมทส่วนกลาง ทำให้เกิดปัญาหต่อสังคมและสุขภาพของประชาชน สำหรับยาซีบูทรามีน อยู่ในระหว่างการศึกษาติดตาม ยังไม่ควบคุมเป็นวัตถุออกฤทธิ์ฯ แต่อย่างไรก็ตาม อย.ได้กำหนดมาตรการควบคุมยาซีบูทรามีน อย่างเข้มงวด โดยจัดให้เป็นยาควบคุมพิเศษ ที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์และขายได้เฉพาะในสถานพยาบาลเท่านั้น ผู้นำเข้าต้องรายงานการนำเข้าทุกครั้ง รายงานการจำหน่ายทุกเดือน รวมทั้งต้องอยู่ภายใต้มาตรการติดตามความปลอดภัยในสถานพยาบาล (Safety Monitoring Program หรือ SMP) เป็นเวลา 2 ปี โดยอนุมัติขึ้นทะเบียนไปเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2544 และเพิ่งมีการนำสั่งยาเข้ามา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2544
เลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางไม่จำเป็นต้องจัดให้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทเสมอไป โดยยาที่มีผลต่อสมองหลายชนิดที่ไม่จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ฯ เช่น ยาที่ใช้รักษาอาการทางจิตเภท และยาที่รักษาอาการทางระบบประสาทบางชนิด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ อย.กำลังพิจารณาว่าสมควรจัดยาซีบูทรามีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทหรือไม่ และขอแนะนำผู้บริโภคว่า ควรป้องกันไม่ให้เกิดโรคอ้วนดีกว่าอ้วนแล้วใช้ยา การลดความอ้วนที่ดีที่สุด คือ การควบคุมอาหารและออกกำลังกาย หากต้องใช้ยาลดความอ้วนก็ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น และขอเตือนว่าอย่าใช้ยาลดความอ้วยเอง เพราะอาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้--จบ--
-สส-