เถ้าแก่น้อย เจ้าตลาดขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายอันดับ 1 ของไทย ยอดขายโตต่อเนื่อง โชว์รายได้ปี 58 สูงถึง 3,500 ล้านบาท กำไรสุทธิ 397 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 100% พร้อมจ่ายปันผลหุ้นละ 0.105 บาทต่อหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 25, 2016 13:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--Brand Wealth "เถ้าแก่น้อย" หรือ TKN เจ้าตลาดขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายอันดับ 1 ของไทย สตรอง! รายได้จากการขายสูงถึง 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30% กำไรสุทธิ 397 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 100% พร้อมจ่ายปันผลงวดสุดท้ายรวมเป็นเงิน 145 ล้านบาท คิดเป็นอัตราหุ้นละ 0.105 บาท นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด(มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยว่า "ยอดขายรวมเดือนมกราคม-ธันวาคม ปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,500 ล้านบาท สูงกว่าปี 2557 ถึง 30% และกำไรสุทธิ 397 ล้านบาท คิดเป็น 11% ของรายได้จากการขาย และสูงกว่าปี 2557 ถึง 100% ทั้งนี้ ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2558 ที่ผ่านมา ยอดจัดจำหน่ายของ TKN จากตลาดในประเทศและต่างประเทศยังดีต่อเนื่อง โดยยอดขายในช่วงไตรมาส 4 มีรายได้จากการขาย 981 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 4 ของปี 2557 ถึง 18% และกำไรสุทธิ 152 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 4 ของปี 2557 ถึง 67%" นายอิทธิพัทธ์ กล่าวเสริมว่า "TKN จะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้าย ในอัตราหุ้นละ 0.105 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น145 ล้านบาท โดยกำหนดให้วันพุธที่ 9 มีนาคม 2559 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น เพื่อสิทธิเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 และมีสิทธิในการรับเงินปันผล และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันพฤหัสบดีที่ 10มีนาคม 2559 ทั้งนี้การให้สิทธิรับเงินปันผลของบริษัทยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559" นายอิทธิพัทธ์ กล่าวว่า "รายได้จากการขายของปี 2558 ที่สูงกว่าปี 2557 ถึง 30% นั้น มาจากการที่เรารุกตลาดต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่กลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยและนิยมซื้อสินค้าของเถ้าแก่น้อยกลับไปเป็นของฝาก ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ประกอบกับ บริษัทเริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังและต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปี 2557 ซึ่งเป็นไปตามคาดเพราะคนจีนให้การตอบรับสินค้าที่นำเข้าไปจำหน่ายเป็นอย่างดี โดยยอดขายปี 2558 เติบโตสูงถึง 169% เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้งยอดส่งออกไปตลาดอินโดนีเซียเมื่อปีที่แล้วกลับมาเติบโตถึง 34% ทั้งนี้ รายได้ตลอดทั้งปี 2558 แบ่งเป็นรายได้จากการส่งออก 52% และรายได้จากการจำหน่ายในประเทศ 48% โดยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2557 ซึ่งมีรายได้จากการส่งออกคิดเป็น 43% ส่วนรายได้จาการจำหน่ายในประเทศ 57%" นายอิทธิพัทธ์ กล่าวต่อว่า "บริษัทมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการลงทุนสร้างโรงงานเพิ่มอีกแห่งที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ส่วนมูลค่าตลาดสาหร่ายในประเทศตลอดทั้งปี 2558 มีมูลค่า 2,523 ล้านบาท ซึ่งเถ้าแก่น้อยมีส่วนแบ่งตลาด 62%"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ