กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันพนักงานสอบสวนพร้อมปฏิบัติตาม “กฎหมายเด็ก” ที่จะเริ่มบังคับใช้ 15 กันยายนนี้ แม้เครื่องไม้เครื่องมือจะยังไม่พร้อม แต่คงต้องหาหยิบยืมมาก่อน ยอมรับกฎหมายมีประโยชน์ต่อเด็ก แต่เชื่อจะทำให้การทำงานของตำรวจล่าช้ามาก พล.ต.ต.จักรทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับที่ 20 พ.ศ.2542 เกี่ยวกับการสอบสวนคดีที่เด็กเป็นผู้เสียหายและกรณีที่เด็กเป็นผู้ต้องหา ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนนี้ ว่า ทางตำรวจในฐานะเป็นพนักงานสอบสวน พร้อมที่จะปฏิบัติตาม แม้เครื่องมือจะยังไม่ครบ แต่คงต้องใช้วิธีหยิบยืมมาดำเนินการก่อน อย่างไรก็ตาม มีบาง สน.ที่เตรียมความพร้อมไว้ครบถ้วนแล้ว เช่น สน.ห้วยขวาง มีห้องสอบปากคำเด็กโดยเฉพาะ พร้อมทั้งเครื่องบันทึกวิดีโอเทป “พนักงานสอบสวนสามารถสอบไปเรื่อยๆ ก่อน ระหว่างรอฝ่ายอื่น ไม่ว่าจะเป็นนักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์ เมื่อพร้อมก็สอบสวนพร้อมบันทึกวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐานตามกฎหมายกำหนด แต่สำหรับกรณีที่เด็กตกเป็นผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนจะต้องรออย่างน้อยทนายความและผู้ปกครองของเด็ก ก่อน เรายอมรับว่าการออกกฎหมายนี้มาบังคับใช้เป็นประโยชน์ต่อตัวเด็ก แต่ก็ทำให้การทำงานของตำรวจล่าช้าไปมาก ต้องไม่ลืมว่า กรณีที่เด็กเป็นผู้ต้องหาจะต้องส่งตัวให้สถานพินิจ มีระยะเวลาควบคุมตัวเพียงแค่ 24 ชั่วโมง หากการสอบสวนไม่เสร็จ ก็จะต้องติดตามไปสอบปากคำกันต่อที่สถานพินิจ ซึ่งฝ่ายต่าง ๆ ก็จะต้อง ตามไปร่วมรับฟังการสอบสวนด้วยเช่นกัน” พล.ต.ต.จักรทิพย์กล่าว ส่วนกรณีที่เครื่องบันทึกวิดีโอเทปที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดหาให้ แต่ยังไม่ได้รับนั้น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ไม่น่าเป็นปัญหา พนักงานสอบสวนอาจจะใช้วิธีหยิบยืมก่อน ซึ่งตนได้พูดกระเซ้าเย้าแหย่ในที่ประชุมพนักงานสอบสวนทั่วนครบาลเมื่อสัปดาห์ก่อนไปว่า พนักงานสอบสวนนายใด หากไม่มีความสามารถหาเครื่องบันทึกวิดีโอเทปมาใช้ได้ก็จะเสนอย้ายไปอยู่ภูธร ปัญหานี้ตนไม่ห่วงในนครบาล แต่สำหรับตำรวจภูธรที่ไกลๆ ยังน่าเป็นห่วงอยู่--จบ--
-สส-