วธ. ผนึกกำลังภาครัฐและเอกชน ส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านและการเรียนรู้เพื่อขับเคลื่อนประเทศ

ข่าวทั่วไป Friday March 11, 2016 12:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--กลุ่มประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม(ร่าง) แผ่นแม่บทส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้และการอ่านของไทย พ.ศ.2559-2562 ที่กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อเร็วๆนี้ว่า กระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จัดทำแผนแม่บทส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้และการอ่านของไทย พ.ศ.2559-2562 (4 ปี) เพื่อวางแนวทางในการสร้างสรรค์แหล่งเรียนรู้เพื่ออนาคต โดยเน้นการปลูกฝังและส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน และการแสวงหาความรู้ในบรรยากาศการเรียนรู้ที่ทันสมัย รวมทั้งให้มีการเชื่อมโยงเครือข่ายกระจายความรู้ และเป็นข้อมูลสาธารณะที่ง่ายต่อการเข้าถึงและสะดวกในการใช้เพื่อการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ตลอดจนสร้างนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้ให้อยู่ในสังคมอย่างยั่งยืน เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบันคนไทยอ่านหนังสือเพื่อการเรียนรู้และเพื่อความบันเทิงนอกเวลาเรียนและเวลาทำงาน เฉลี่ย 66 นาทีต่อวัน (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ.2558) ประกอบด้วยการเรียนรู้ในปัจจุบันของไทยสามารถเรียนรู้ได้จากสื่อดิจิทัลและจากแหล่งเรียนรู้ เช่น พิพิธภัณฑ์และอุทยานประเภทต่างๆ ห้องแสดงนิทรรศการ โรงภาพยนตร์ เป็นต้น ทำให้ต้องผนึกกำลังกันส่งเสริมให้วัฒนธรรมการอ่านและการเรียนรู้เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ นายวีระ กล่าวต่อว่า (ร่าง) แผนแม่บทส่งเสริมการเรียนรู้และการอ่านของไทย มีวิสัยทัศน์ให้ไทยเป็นสังคมแห่งการอ่านเพื่อสร้างปัญญาแห่งการเรียนรู้ โดยคนไทยจะใช้เวลากับการอ่านที่มีคุณภาพมากขึ้นกว่าเดิม 3 เท่าภายในระยะเวลา 4 ปี (59-62) มีเป้าประสงค์ คือ คนไทยมีนิสัยรักการอ่านและแสวงหาความรู้ เข้าถึงหนังสือและสื่อการอ่านได้โดยสะดวก รวดเร็ว มีทักษะการอ่านที่มีคุณภาพและสามารถนำความรู้มาใช้ประโยชน์ได้ จนเกิดเป็นวัฒนธรรมรักการอ่านขึ้นในสังคมไทย และมี 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.สร้างความตระหนักรู้ในคุณค่าการอ่าน 2.เพิ่มโอกาสการเข้าถึงหนังสือและสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ อาทิ มาตรการยกเว้นภาษีเงินบริจาคให้สถาบันการศึกษาเพื่อซื้อสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ โดยร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ในการพัฒนาสื่อเพื่อส่งเสริมการอ่านได้ 3.พัฒนาระบบและบริการห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้ให้จูงใจผู้ใช้บริการได้มากขึ้น 4.ส่งเสริมการพัฒนาทักษะการอ่านอย่างมีคุณภาพ และ5.พัฒนากลไกและเครือข่ายร่วมสร้างวัฒนธรรมการอ่านเพื่อการเรียนรู้ อาทิ โครงการส่งเสริมให้มีระบบและกลไกประจำสำหรับการรวบรวมหนังสือบริจาคทั่วประเทศ เพื่อกระจายไปสู่คนที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นชอบมอบหมายให้หน่วยงาน อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ และอุทยานการเรียนรู้ รวบรวมการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการเรียนรู้และการอ่าน โดยให้วิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคเพื่อนำมาเสนอในการประชุมคราวถัดไป หลังจากนั้นจะนำไปปรับปรุงร่างแผนแม่บทส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้และการอ่านของไทย เพื่อทำประชาพิจารณ์แล้วเสนอต่อคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ