7 เรื่องน่ารู้เพื่อผิวเปล่งประกายต้อนรับซัมเมอร์

ข่าวทั่วไป Monday April 11, 2016 10:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--อาร์ค เวิลด์ ไวด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์มาถึง สาวๆหลายคนต่างก็เริ่มวางแผนที่จะทำกิจกรรมท้าลมร้อนกันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นการไปอาบแดดด้วยบิกินี่ตัวโปรด เล่นน้ำทะเล หรือออกไปถ่ายรูปสวยๆกับดอกไม้สีสดในช่วงนี้ หากแต่อีกมุมหนึ่ง หลายๆคนก็คงจะอดกังวลไม่ได้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับแสงแดดอันเจิดจ้าซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความหมองคล้ำและจุดด่างดำบนใบหน้า เอสเค-ทู จึงได้รวบรวมคำถามที่สาวๆถามกันมามากที่สุดเกี่ยวกับผลกระทบจากแสงแดดและการดูแลตัวเองเป็นพิเศษในช่วงซัมเมอร์นี้เพื่อให้สาวๆได้ดูแลผิวกันอย่างถูกวิธี Q1: แดดและรังสียูวีทำร้ายคุณได้มากแค่ไหน A: มีการค้นพบว่าการโดนรังสียูวีอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำร้ายผิวและนำไปสู่10 ปัญหาผิวที่มองเห็นได้และซ่อนตัวอยู่ ซึ่งสิ่งที่ถูกทำร้ายที่ซ่อนอยู่ในผิวนั้นจะปรากฎให้เห็นในรูปแบบของหมอกที่ปกคลุมอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งจะบดบังออร่าและความกระจ่างใสของผิว เมฆหมอกเหล่านี้สามารถปรากฎในรูปแบบของ จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ และยังปัญหาซ่อนเร้นที่ยังไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าอีกด้วย นับว่าอันตรายมากหากเพื่อนๆออกไปสัมผัสกับแสงแดดตรงๆโดยที่ไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือทาครีมกันแดดที่ดีไว้ก่อน Q2: เพราะเหตุนี้เราจึงต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดดในทุกกรณีใช่หรือไม่ A: ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวนะคะ เพราะถึงแม้แสงแดดจะทำร้ายผิวของเราที่ไม่ได้รับการบำรุงอยู่เรื่อยๆ แต่แสงแดดก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน เช่นเป็นแหล่งของวิตามินดีซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคหัวใจ โรคความดันสูง โรคเกี่ยวกับระบบการเผาผลาญของร่างกายและยังกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดียิ่งขึ้นและอีกมากมาย ดังนั้น เราจึงควรออกไปเจอกับแสงแดดบ้างแต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะทาครีมกันแดดด้วย Q3: รังสียูวีที่ทุกคนชอบพูดถึงกันแท้จริงแล้วมันคืออะไรและมันทำร้ายเราอย่างไรบ้าง A: รังสียูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลตคือรังสีที่แผ่ออกมาจากแสงอาทิตย์ซึ่งสามารถแบ่งรังสียูวีออกเป็น 3 ชนิด คือ รังสียูวีเอ (UVA) รังสียูวีบี (UVB) และรังสียูวีซี (UVC)รังสียูวีเอ (UVA) หากสัมผัสกับรังสีนี้ อาการที่เกิดขึ้นกับผิวหนังอาจจะเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ถ้าได้รับUVA มากๆเข้าก็จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย สีผิวคล้ำเข้ม ขาดความสดใส และหากได้รับรังสี UVA นานๆ ก็อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังได้รังสียูวีบี (UVB)ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดอาการแสบร้อน แดง และไหม้เกรียม คล้ำแดดได้ ซึ่งนำไปสู่การเกิดฝ้า กระ ความแห้งกร้านของผิว และหากได้รับรังสีนี้เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้เหมือนกับรังสี UVA เช่นกัน รังสียูวีซี (UVC) สามารถทำให้เกิดผื่นแดงและทำให้สีผิวเปลี่ยนเป็นสีแทนได้ Q4: แค่ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆก็เพียงพอแล้วในการออกไปเผชิญหน้ากับแดดใช่หรือไม่ A: ค่า SPF (Sun Protection Factor) สูง ๆ นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะปกป้องแสงแดดได้ดีไปกว่าค่า SPF ที่ต่ำกว่า ซึ่ง SPF นั้นบ่งบอกถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากการถูกเผาไหม้จากรังสี UVB จากแสงแดด ได้นานเท่าไหร่ เช่น SPF15 หมายถึง ป้องกันผิวจากการไหม้ได้ 15 เท่า เช่น ปกติคุณออกไปสู่แดดโดยไม่ได้ทาครีมกันแดดแล้วผิวไหม้ภายใน 10 นาที ถ้าหากทาครีมกันแดด SPF 15 แล้วจะทำให้การที่ผิวจะถูกแสดงแดดทำลายผิวให้ไหม้นั้น ต้องใช้เวลาเป็น 15 เท่าของ 10 นาที หรือประมาณ 150 นาที (2 ชั่วโมงครึ่ง) ผิวถึงจะถูกไหม้จากแสงแดด ดังนั้น ค่า SFP จริงๆไม่ได้บ่งบอกถึงประสิทธิภาพการป้องกันแดดแต่คือระยะเวลาที่ครีมสามารถป้องกันคุณจากการถูกเผาไหม้ของแสงแดดได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ค่า SPF สูง ๆ นั้นอาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย และยังมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้เช่นผื่นขึ้นอีกด้วย Q5: ถ้าผิวหน้าดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงอะไรให้เปลืองจริงหรือไม่ A: ไม่จริงเลยค่ะ ถึงแม้ว่าผิวหน้าของเราจะดูดีอยู่ในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นการการันตีว่าผิวจะดูดีแบบนี้ไปตลอดนะคะ หากเราไม่ดูแลและปล่อยให้ผิวเป็นไปตามอายุ วันข้างหน้าผิวก็อาจจะทั้งหย่อนคล้อยและมีการปรากฎของปัญหาที่ซ่อนอยู่ได้ และเมื่อถึงวันนั้น พอเราจะมาบำรุงแก้ไขก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายให้ต้องเปลืองมากกว่าการที่เราเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆอีก ดังนั้น การป้องกันด้วยการดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเหมาะกับผิวย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง Q6: แล้วในเมื่อภายนอกผิวของเราดูดีอยู่แล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรจะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบไหน A: เดี๋ยวนี้แวดวงบิวตี้มีเครื่องตรวจวัดผิวอยู่หลายแบบนะคะ สามารถประเมินสภาพผิวของแต่ละคนได้ และดูว่าผิวมีปัญหาหรือแนวโน้มของปัญหาอย่างไรบ้างเพื่อที่ทุกคนจะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคนอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เอสเค-ทู ก็มีเครื่องตรวจวัดสภาพผิวที่เรียกว่า เมจิก ริงค์ ซึ่งสามารถตรวจวัดสภาพผิวของแต่ละคนได้อย่างละเอียดและมีประสิทธิภาพ Q7: ควรจะดูแลให้ผิวดูผ่องใสเปล่งประกายอยู่เสมออย่างไรบ้าง A: ในสภาวะตึงเครียดทั้งจากการทำงานและสภาวะกดดันจากคนรอบข้างนั้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวดูหมองคล้ำไร้ชีวิตชีวา แต่อย่าห่วงไปเลยค่ะ เพราะวันนี้เรามี 5 วิธีง่ายๆที่จะมาแนะนำให้เพื่อนลองทำดูเพื่อผิวเปล่งปลั่ง มีออร่า ออกกำลังกายพื่อให้เลือดลมได้ไหลเวียน อาจจะเป็นการออกกำลังกายแบบโยคะเพื่อปรับสมดุลของร่างกายทุกส่วนรวมถึงจิตใจอีกด้วย เพราะอารมณ์ที่มั่นคง สบาย ๆ จะช่วยให้ร่างกายดีขึ้นทั้งระบบ และยังเป็นวิธีง่ายๆ ปลอดภัยที่ช่วยให้ผิวสวยดูมีออร่าและยังได้สุขภาพที่ดีอีกด้วย ทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและอาหารที่ประโยชน์ และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะปริมาณของน้ำตาล เกลือ ไขมันทรานส์ จะนำไปสู่ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำทั้งสิ้น ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพราะน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอแล้วจะช่วยให้ผิวดี สุขภาพดี และตัวเราก็ยังรู้สึกชดชื่นมีชีวิตชีวาอีกด้วย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อชาร์จพลังให้แก่ร่างกาย เมื่อร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ผิวก็จะดูมีสุขภาพดีขึ้นซึ่งจะแสดงออกมาในลักษณะของผิวที่ดูมีน้ำมีนวลและเปล่งประกาย หากคุณไม่ค่อยมีเวลาได้หลับยาวๆในช่วงเวลากลางคืน เรายังมีวิธีชาร์จพลังง่ายๆระหว่างวันมาแบ่งปันด้วย ช่วงกลางวันที่ออฟฟิต ลองหลับตา สูดลมหายใจลึกๆยาวๆ สัก 5 นาทีก็สามารถช่วยผ่อนคลายได้ค่ะ บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ "เอสเค-ทู เจนนอปติกส์ ไวท์เทนนิ่ง เอ็สเซ็นส์" เอ็สเซ็นส์น้ำนมเนื้อบางเบาที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นทำให้คุณเผยผิวดูมีออร่า เปล่งประกายเจิดจรัสจากภายใน ไร้จุดด่างดำและความหมองคล้ำใดๆ มาบดบังผิวกระจ่างใส

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ