โรงจำนำกทม.ยอดพุ่ง เตรียมขยายเพิ่ม 17 สาขาใน 5 ปี

ข่าวทั่วไป Wednesday October 24, 2001 10:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--กทม.
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 44 เวลา 11.00 น. สถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร โดยนายชาญ ปฏิมาภรณ์ชัย ผู้อำนวยการสำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร แถลงข่าว ผลการดำเนินงานปี 2544 แผนการขยายสาขาเพิ่ม การจัดเตรียมเงินทุนสำรองเพื่อรองรับการให้บริการช่วงเปิดเทอม และแนวทางในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือประชาชน
รวมยอดรับจำนำกว่า 3 พันล้าน
ผู้อำนวยการสำนักงานสถานสำนักงานธนานุบาล กทม. เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2544 (ต.ค. 43- ก.ย.44) ของสำนักงานสถานธนานุบาลของกทม.ที่เปิดให้บริการทั้ง 20 แห่ง มียอดรับจำนำทั้งสิ้น 3,348.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปีที่แล้ว 267.24 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตที่เพิ่มขึ้น 8.99% และมียอดไถ่ถอน 3,176.83 ล้านบาท มากกว่าปีที่ผ่านมา 351.24 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.43%
สำหรับทรัพย์หลุดจำนำซึ่งไม่มีผู้มาไถ่ถอนคืน ในปี 2544 มีจำนวน 29,950 ราย เป็นเงิน 147.36 ล้านบาท มากกว่าปี 2543 จำนวน 1,520 ราย เป็นเงิน 10.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.76 % โดยยังมียอดสต็อกของรอการไถ่ถอนสูงถึง 145,971 ราย เป็นเงิน 1,003.57 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว 2,389 ราย เป็นเงิน 24.31 ล้านบาท คิดป็นอัตราเพิ่มขึ้น 2.48%
กำไรพุ่ง 130 ล้านบาท
การดำเนินงานดังกล่าวทำให้สำนักงานสถานธนานุบาล กทม. มีกำไรสุทธิปี 2544 จำนวน 132.94 ล้านบาท มากกว่าปี 2543 จำนวน 21.86 ล้านบาท คิดเป็น 19.68% โดยมีรายรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.61 ล้านบาท เป็น 200.29 ล้านบาท คิดเป็น 8.45% แต่มีรายจ่ายลดลงจากปีก่อน จำนวน 67.35 ล้านบาท น้อยกว่าปี 2543 ส่วนหนี้สิน ณ สิ้นปีงบประมาณ 2544 มีจำนวน 374 ล้านบาท น้อยกว่าปีก่อน 49 ล้านบาท ลดลง 11.58%
ดอกเบี้ยต่ำ 0.75%
นายชาญกล่าวว่า การดำเนินงานของสำนักงานสถานธนานุบาลกทม. มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการแสวงหาผลกำไรอย่างการดำเนินธุรกิจทั่วไป แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยให้สามารถแก้ไขปัญหาการเงินในระยะสั้นๆ ได้ แต่ผลกำไรที่เกิดขึ้นเนื่องจากโรงรับจำนำทั้ง 20 แห่งมีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพราะคิดอัตราดอกเบี้ยถูกกว่าโรงรับจำนำของเอกชน โดยวงเงินกู้ไม่เกิน 3,000 บาท จะคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 0.75% ต่อเดือน หรือเท่ากับ 9% ต่อปี ขณะที่เอกชนจะคิดประมาณ 2% ต่อเดือน หากวงเงินกู้เกิน 3,000 บาท จะคิดอัตราดอกเบี้ย 2,000 บาทแรกที่ 2% ต่อเดือน ส่วนที่เกินจาก 2,000 บาท จะลดลงเป็น 1.25- 1.5% ต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการไม่สูงจึงทำให้มีผลกำไร
เตรียมขยายเพิ่มอีก 17 แห่งทั่วกรุง
ปัจจุบันการใช้บริการโรงรับจำนำของกทม.ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ใช้บริการถึง 495,643 รายในปีนี้ โดยสาขามีนบุรีมีผู้ใช้บริการมากที่สุด 56,938 ราย คิดเป็นวงเงิน 372 ล้านบาท รองลงมาคือสาขาเทเวศน์ 49,350 ราย คิดเป็นวงเงิน 316.8ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นที่พึ่งพาในยามยากของผู้มีรายได้น้อยได้เป็นอย่างมาก ดังนั้นทางสำนักงานสถานธนานุบาลจึงมีแผนที่จะขยายโรงรับจำนำเพิ่มขึ้นอีก 17 แห่ง ภายในปี 2550 โดยในปีงบประมาณ 2545 นี้ จะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 3 แห่ง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนก่อสร้างและเป็นทุนหมุนเวียนดำเนินงานประมาณ 210 ล้านบาท (แห่งละ 70 ล้านบาท) และสิ้นปี 2544 จะสามารถเปิดให้บริการได้ 1 แห่งในพื้นที่เขตสัมพันธวงศ์ จากนั้นจะให้บริการในพื้นที่เขตลาดกระบัง และเขตทุ่งครุต่อไป
นายชาญ กล่าวว่า ขณะนี้ทางสภากรุงเทพมหานคร โดยคณะกรรมการเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งมี นายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ก.เขตบางกอกน้อย เป็นประธาน กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อพิจารณาให้ทางสถานธนานุบาลฯกู้เงินเพื่อใช้ในการลงทุนขยายสาขาใหม่ ซึ่งทางธนาคารทหารไทยและธนาคารกรุงไทยพร้อมที่จะปล่อยกู้ให้เป็นลักษณะ Clean Loan กล่าวคือ การกู้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน มีระยะหนี้ 10 ปี โดยปลอดหนี้ 2 ปีแรก และผ่อนชำระในปีต่อไป คาดว่าต้นเดือนพฤศจิกายนนี้จะสามารถเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภากทม. หากได้รับความเห็นชอบ ก็จะนำเสนอผู้ว่าราชการกทม.ลงนาม ก่อนจะนำเสนอเข้าที่ประชุม คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในการกู้เงินดังกล่าว
จากการดำเนินงานมาเป็นเวลา10 มีอัตราการเติบโตขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยช่วง 3 ปีที่ผ่านมาไม่ประสบการขาดทุนเลย จึงมั่นใจว่า หากสามารถดำเนินการงานได้ตามแผนที่วางไว้ ยอดวงเงินรับจำนวนจะเพิ่มขึ้นถึง 10,000 ล้านบาท
เตรียม 350 ล้านรับเปิดเทอม
อย่างไรก็ดี ในช่วงเปิดเรียนภาคการศึกษาที่ 2 นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เหมือนเช่นการเปิดเทอมทุกๆ ครั้งนั้น นายชาญกล่าวว่า สถานธนานุบาลกทม.ได้เตรียมเม็ดเงินไว้ประมาณ 350-400 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของคนกรุงเทพฯ โดยยังคงให้บริการในอัตราดอกเบี้ยต่ำเช่นเดิม ทั้งนี้ ปัจจุบันทางสำนักงานสถานธนานุบาลกทม. มีเงินหมุนเวียนอยู่กว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินจากกำไรสะสม 7 ปี 700 ล้านบาท และเงินจากการกู้กองทุนข้าราชการบำเหน็จบำนาญกทม. อีก 300 ล้านบาท จึงไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องอย่างแน่นอน
ของหลุดจำนำยังซื้อคืนได้ราคาพิเศษภายใน 30 วัน
นายชาญกล่าวด้วยว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่าของที่หลุดจำนำเนื่องจากขาดส่งดอกเป็นเวลา 4 เดือนยังสามารถติดต่อขอซื้อคืนได้ภายใน 30 วัน ตามระเบียบของโรงรับจำนำทั่วไป จึงขอให้ประชาชนที่จำนำของแล้วขาดส่งดอกเบี้ยภายใน 4 เดือน ไปตรวจดูรายชื่อ ณ สำนักงานสถานธนานุบาลนั้นๆ หรือติดต่อที่กองทะเบียน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดต่อขอซื้อของคืนภายใน 30 วัน นับจากวันที่ประกาศ อย่างไรก็ดี ในส่วนของสำนักงานสถานธนานุบาลกทม.นั้น จะยืดระยะให้ได้ประมาณ 45 วัน และให้เจ้าของซื้อคืนได้ในราคาพิเศษโดยไม่ต้องประมูล--จบ--
-นห-

แท็ก เปิดเทอม   ลาว  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ