ไอแมกซ์ปรับกลยุทธ์ใหม่หวังเอาใจคอหนังฮอลลีวู๊ด

ข่าวทั่วไป Monday July 2, 2001 09:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--โรงภาพยนตร์กรุงไทย ไอแมกซ์
โรงภาพยนตร์กรุงไทย ไอแมกซ์ ที่มีชื่อเสียงมากว่า 2 ปี เกี่ยวกับการฉายภาพยนตร์ 3 มิติ บนจอสูงเท่ากับตึก 7 ชั้น พลิกโฉมกลยุทธ์ใหม่เอาใจคอหนังฮอลลีวู๊ด ด้วยการฉายภาพยนตร์มหาสงครามเรื่องเยี่ยม เพิร์ล ฮาร์เบอร์บนจอยักษ์ พร้อมเพิ่มความคมชัดเสมือนจริงทั้งระบบภาพและเสียง เพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสความยิ่งใหญ่อย่างเต็มตาเต็มอารมณ์กว่าเดิม โดยจะเปิดรอบปฐมทัศน์ให้ชมก่อนใครในวันพฤหัสที่ 21 มิถุนายนนี้
คุณพัชราวดี พลศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป โรงภาพยนตร์กรุงไทย ไอแมกซ์กล่าวว่า "กลยุทธ์ใหม่ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของโรงภาพยนตร์กรุงไทย ไอแมกซ์ที่จะนำภาพนตร์ฮอลลีวู๊ดมาฉายบนจอยักษ์ในรูปแบบ 2 มิติ เพราะเราต้องการนำเสนอภาพยนตร์ที่ให้คุณค่ามากกว่าการเป็นภาพยนตร์ธรรมดา โดยการเติมความยิ่งใหญ่ทั้งระบบภาพและเสียงที่คมชัดเสมือนจริงของไอแมกซ์ลงไป ทำให้ผู้ชมได้ความรู้สึกเต็มตาเต็มอารมณ์เหมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเรามอบความพิเศษนี้ด้วยอัตราค่าเข้าชมเพียง 120 บาทเท่ากับโรงภาพยนตร์ทั่วๆไปที่ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้"
"นอกจากนี้ ไอแมกซ์ยังคงเน้นแนวคิดเดิม ที่ต้องการนำเสนอภาพยนตร์ที่ให้ทั้งสาระและความบันเทิง (Edutainment) ด้วยการฉายภาพยนตร์ที่เลือกสรรแล้วว่าเหมาะสำหรับเยาวชน, ครอบครัวและสถานศึกษา เพราะฉะนั้นกลุ่มเป้าหมายเดิมของไอแมกซ์ก็ยังรู้สึกมั่นใจที่จะมาใช้บริการ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อลูกค้าเดิมของเรารู้จักคุณภาพของระบบภาพและเสียงที่ยิ่งใหญ่ของไอแมกซ์ดีอยู่แล้ว ก็ทำให้ตัดสินใจได้ทันที และสำหรับลูกค้าใหม่ก็อาจทำให้เกิดความต้องการทดลองชมภาพยนตร์ 3 มิติมากยิ่งขึ้น" คุณพัชราวดี พลศักดิ์ กล่าวเสริม
คุณวิจิตร บุญชู บรรณาธิการนิตยสาร GM 2000 และพิธีกรรายการโลกเครื่องเสียง ทาง Nation Channel กล่าวให้ความเห็นว่า "ความพิเศษของภาพและเสียงของไอแมกซ์ สามารถสัมผัสได้ทางสายตาเมื่อมองเห็นภาพบนจอที่มีความคมชัดและมีความเข้มของเม็ดสีมากกว่าปกติ ทำให้ภาพมีความสดใสชัดเจน ไม่แตกเมื่อนำมาฉายให้มีขนาดใหญ่กว่าจอปกติ 2 เท่า นอกจากนี้ระบบเสียงยังใช้ระบบดิจิตอลแบบ SRD (Dolby Stereo Spectral Recording Digital) ซึ่งจะบันทึกข้อมูลดิจิตอลบริเวณรูหนามเตยด้านซ้ายของฟิล์ม สำหรับ 6 ช่องเสียง ซึ่งลำโพงจะอยู่ทั้งซ้ายและขวาของด้านหลังจอภาพและด้านหลังผู้ชม นอกจากนี้ระบบเสียงยังมีกำลังถึง 12,000 วัตต์ จึงทำให้คุณภาพเสียงมีความชัดเจนสมจริงมากที่สุด ทำให้ได้อรรถรสในการชมภาพยนตร์ที่เหนือกว่าธรรมดา"
คุณดุจดาว พรหโมบล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทบัวนา วิสต้า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้าภาพยนตร์ Pearl Habor ในประเทศไทยกล่าวว่า "ทางบริษัทฯ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ไอแมกซ์มอบความไว้วางใจให้ Pearl Habor ได้เป็นภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ดเรื่องแรกบนจอยักษ์ เรามั่นใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จในการฉายภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ดของไอแมกซ์ เพราะเป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งในด้านฉาก, การถ่ายทำ, Special Effect, ดารานำ และเนื้อหาของภาพยนตร์ เมื่อนำมารวมกับความยิ่งใหญ่ของไอแมกซ์ ก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของความบันเทิง ที่จะทำให้ผู้ชมสนุกสนานมากขึ้นและสร้างความประทับใจไปอีกนาน"
"ไอแมกซ์มั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จทั้งในด้านการตลาดและการบริการ ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับรูปแบบทางการตลาดของไอแมกซ์และรายได้ของการฉายภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด ก็จะช่วยเสริมรายได้หลักของโรงภาพยนตร์กรุงไทย ไอแมกซ์ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเราหวังว่าจะมีผู้เข้าชมทั้งหมดไม่น้อยกว่า 400,000 คนในปีนี้" คุณพัชราวดี พลศักดิ์ กล่าวสรุป
รายละเอียดของโรงภาพยนตร์กรุงไทย ไอแมกซ์
โรงภาพยนตร์กรุงไทย ไอแมกซ์สามารถจุผู้ชมได้ 600 ที่นั่งด้วยระบบอันทันสมัยสมบูรณ์แบบทั้งการติดตั้งจอภาพยนตร์ที่มีความสูงเท่ากับตึก 7 ชั้น โดยมีความกว้าง 28 เมตร และสูง 20 เมตร บนจอภาพยนตร์ถูกปรุให้เป็นรูเล็กๆ หลายพันรู เพื่อให้เสียงผ่านจากหลังจอซึ่งมีวางลำโพงไว้ถึง 4 ตัว และการติดตั้งระบบเสียงที่มีคุณภาพเพื่อให้ผู้ชมร่วมสัมผัสความเสมือนจริงได้เต็มอารมณ์กว่า
ข้อมูลทั่วไปของระบบภาพในโรงภาพยนตร์
- ปัจจุบันฟิล์มที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์มีอยู่ 4 ขนาดคือ 8 มม., 16 มม., 35 มม., และ 65 มม. ซึ่งนอกจากจะใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เพื่อฉายตามโรงภาพยนตร์แล้ว ยังนำไปใช้ในงานโทรทัศน์และงานอื่นๆที่ต้องการคุณภาพสูง
- ฟิล์มภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วไปมีขนาด 35 มม. โดยใช้ความเร็ว 24 ภาพต่อ 1 วินาที ในการฉาย ภาพยนตร์ 1 เรื่อง (ประมาณ 2 ชั่วโมง) จะใช้ฟิล์มที่มีความยาวประมาณ 3,300 เมตร
- ฟิล์ม 35 มม. Vision Premiere คือฟิล์มชนิดพิเศษที่ไอแมกซ์เลือกใช้สำหรับการฉายภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด ซึ่งมีคุณสมบัติดังนี้
- ให้สีที่มีความอิ่มตัวสูง สีดำที่มีความดำสนิท ทำให้สามารถมองเห็นรายละเอียดในบริเวณเงาหรือส่วน ที่มืดของภาพได้ดี
- ฟิล์มมีความใสและให้รายละเอียดในบริเวณส่วนสว่างของภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ฟิล์มผลิตโดยเทคโนโลยี Process Surviving Anti Static Layer เพื่อลดการเกิดไฟฟ้าสถิตย์ ทำให้ฝุ่นมาเกาะที่ฟิล์มน้อยลง ลดการเกิดรอยขีดข่วน และยืดอายุเส้นเสียงในระบบ Dolby Digital
- สารสีที่นำมาใช้ในการผลิตฟิล์มมีความคงทนต่อความร้อนจากหลอดเครื่องฉายภาพยนตร์สูง ทำให้ฟิล์มมีอายุการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้นโดยสีไม่จืดจาง (Fade)
- ฟิล์มไอแมกซ์ เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทำด้วยฟิล์มที่มีขนาด 65 มม. และนำไปพิมพ์ลงบนฟิล์มขนาด 70 มม. โดยภาพที่อยู่บนฟิล์มจะเป็นลักษณะแนวนอนขนานกับความยาวฟิล์ม ซึ่งสามารถฉายได้บนจอที่มีขนาดสูงสุดถึง 30 x 26 ตารางเมตร
ข้อมูลทั่วไปของระบบเสียงในโรงภาพยนตร์
- Analog Sound Track คือการอัดเสียงลงไปในแผ่นฟิล์มเป็นเส้นซาวด์แทรก แต่เนื่องจากการอ่านสัญญาณจากฟิล์มที่วิ่งอยู่ตลอดเวลาทำให้เสียงมีความเพี้ยนผิดพลาด และเกิดสัญญาณรบกวน โดยอาจตัดความถี่ที่มีความเพี้ยนออกได้ แต่ทำให้ไม่สามารถคลอบคลุมความถี่ที่หูของคนเราได้ยินทั้งหมด ในช่วง 40 Hz ถึง 12 kHz
- Noise Reduction (Dolby NR) ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตัดเสียงรบกวน โดยอัดสัญญาณ Noise เข้าไปในฟิล์มให้ครอบคลุมความถี่ทั้งหมด เมื่อฉายกลับก็จะสามารถ decode ตัดสัญญาณ noise นั้นออกได้ทั้งหมด
- Dolby Stereo แตกต่างจากระบบ Noise Reduction โดยเน้นให้เกิดความสมจริงสมจังของเสียง ซึ่งมักจะใช้ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งจะทำให้ผู้ชมมีความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริง และมีอารมณ์ร่วมไปตามที่ผู้สร้างภาพยนตร์ต้องการ ในปัจจุบันนี้แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ
- ระบบที่ 1: Dolby Stereo หรือ Dolby A มีทั้งหมดอย่างน้อย 4 ช่องเสียง คือ Left , Center, Right และ Surround
- ระบบที่ 2: Dolby Stereo Spectral Recording หรือ Dolby Stereo SR โดยจะมี Noise Reduction ทำให้มีคุณภาพเสียงที่ดีกว่า และมีสัญญาณรบกวนน้อยกว่า แต่ยังเป็น 4 ช่องเสียงเหมือนเดิม
- ระบบที่ 3: Dolby Stereo Magnetic 70 มม. มีการอัดเสียงเป็นเส้นซาวด์แม่เหล็กลงไปในฟิล์ม และอัดแยกแต่ละช่องเสียงโดยอิสระ
- ระบบที่ 4: คือระบบที่ไอแมกซ์เลือกใช้ Dolby Stereo Digital หรือ Dolby SRD หมายถึงระบบที่มี Noise Reduction เป็น Spectral Recording และมีการอัดสัญญาณเป็นระบบ Digital ซึ่งจะทำให้เกิดความเพี้ยนเพียงเล็กน้อย และครอบคลุมความถี่เสียงได้มากถึง 20 Hz ถึง 20 kHz โดยจะบันทึกข้อมูลทั้งหมดบริเวณรูหนามเตยด้านซ้ายของแผ่นฟิล์ม โดยมีเครื่องถอดรหัสและหัวอ่านสัญญาณที่ติดกับเครื่องฉาย และมีตำแหน่งของเสียงในโรงภาพยนตร์ 6 จุดคือ
Channel 1 คือ ลำโพงด้านซ้าย (ด้านหลังผู้ชม) สำหรับเสียง Surround
Channel 2 คือ ลำโพงด้านซ้าย (ด้านหลังจอภาพ) สำหรับเสียง Surround
Channel 3 คือ ลำโพง ระหว่างกึ่งกลางจอภาพ สำหรับเสียง พูด
(ด้านหลังจอภาพ)
Channel 4 คือ ลำโพงด้านขวา (ด้านหลังจอภาพ) สำหรับเสียง Surround Channel 5 คือ ลำโพงด้านขวา (ด้านหลังผู้ชม)
สำหรับเสียง Surround Channel 6 (ด้านหลังจอภาพ) สำหรับเสียง พูด
คือ ลำโพงระหว่างกลางด้านบน
และมี Sub-Bass (เสียงต่ำ) อยู่ระหว่างกลางด้านล่างสุดของจอภาพ (Sub Woofer) อีกด้วย
รูปแบบอื่นของระบบเสียง Digital
ระบบ Digital มีด้วยกันหลายระบบ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันออกไปในรายละเอียด ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบว่าระบบใดประสบความสำเร็จมากที่สุด เนื่องจากมีปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อความสำเร็จของระบบ
- DTS คือระบบเสียงที่พัฒนาขึ้นโดย Digital Theatre System โดยการบันทึกสัญญาณเสียงดิจิตอลลงบนแผ่น CD ROM โดยผ่านคอมพิวเตอร์ และบันทึกเส้นสัญญาณ (Timecode) ลงบนแผ่นฟิล์มเพื่อให้ภาพและเสียงมีความสัมพันธ์กัน
- SDDS คือระบบ Digital ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท Sony Cinema Product โดยมีชื่อเต็มว่า Sony Synamic Digital Sound โดยมีวิธีการคล้ายกับ SRD ในการบันทึกสัญญาณเสียงที่ริมของฟิล์มโดยบันทึกทั้งสองข้างและมีระบบเสียงทั้งหมด 8 ช่องเสียง
ประชาสัมพันธ์โดย
โรงภาพยนตร์กรุงไทย ไอแมกซ์
ปิยะนุช เทียนศรี
โทร. 511-5810 ต่อ 503 หรือ pr@imaxthai.com-- จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ