กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
แสนสิริแถลงผลประกอบการไตรมาสแรก กำไร 144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 263% จากปีที่ผ่านมา ผู้บริหารชี้ผลตอบแทนการลงทุนในกองทุนรวมสตาร์วูดฯ และ รายได้ใหม่จากการเน้นรับบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนการรับรู้กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้กับบบส. เมื่อเดือนมีนาคม นับเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จครั้งนี้
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทประจำไตรมาสแรกระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ปี 2543 ว่า สืบเนื่องจากการทำงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 144.33 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.55 บาท โดยเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2542 ซึ่งบริษัทฯ มีผล ขาดทุน 88.59 ล้านบาท และขาดทุนต่อหุ้น 1.25 บาทนั้น ปรากฏว่าบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 263%
"ความสำเร็จของบริษัทครั้งนี้เป็นผลจากความพยายามร่วมกันของผู้บริหารและพนักงานบริษัททุกคน โดยในยามที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก บริษัทได้หันไปเน้นการเพิ่ม สัดส่วนรายได้ด้านอื่นๆ นอกเหนือจากรายได้จากการขายให้มากขึ้น"
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากการเข้าไปลงทุนในกองทุนรวมสตาร์วูดไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ 1 ร่วมกับกลุ่มสตาร์วูด แคปปิตอลเมื่อปีที่แล้วที่เริ่มให้ผลตอบแทนกลับมา ตลอดจนรายได้จากการรับบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วยรายได้จากการบริหารการตลาดและการขาย โครงการ (Sale & Marketing Management) และรายได้จากการบริหารอาคารชุด (Property Management) ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 62 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2542
นอกจากนี้ การที่บริษัทสามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ สถาบันการเงิน (บบส.) ได้สำเร็จเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น นอกจากจะทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างของเงินทุนของบริษัท คือ การลดลงของหนี้สินซึ่งประกอบด้วยมูลหนี้และดอกเบี้ยประมาณ 224 ล้านบาท และส่งผลให้ยอดหนี้คงค้างของบริษัทในปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 604.02 ล้านบาทแล้ว ยังมีผลให้บริษัทรับรู้กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวจนเป็น ที่มาของผลประกอบการที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในไตรมาสนี้
สำหรับด้านค่าใช้จ่ายนั้น บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาสแรกนี้ลดลงถึงร้อยละ 37 และผลจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้มากถึงร้อยละ 72.5 โดยลดลงจาก 67.48 ล้านบาทเหลือเพียง 18.56 ล้านบาท
โดยที่ผ่านมา แสนสิริมุ่งดำเนินการแก้ปัญหาทางการเงินของบริษัทด้วยการปรับปรุง โครงสร้างหนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนปัจจุบันบริษัทมียอดหนี้คงค้างลดลงจากปี 2541 และ ปี 2542 คิดเป็นสัดส่วนลดลงร้อยละ 83.32 และ 21.64 ตามลำดับ"นับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 แสนสิริมีความมุ่งมั่นตลอดมาในการฟื้นฟูสถานะของบริษัทให้มีเสถียรภาพและมั่นคง โดยเป็นบริษัทที่มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีผลกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และจากความสำเร็จในครั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของแสนสิริสิ้นปีนี้จะบรรลุผลตามที่ตั้งใจไว้อีกอย่างแน่นอน" นายเศรษฐากล่าวอย่างมั่นใจ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
บริษัท อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ จำกัด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
วราพร สมบูรณ์วรรณะ หรือ ปิยนุช เหมือนเนียม
สาธิดา ศรีธัญญาธรณ์ โทร. 201-3309
โทร. 252-9871-7 อีเมลล์: piyanuch@sansiri.com
อีเมลล์: s_waraporn@bm.com-- จบ--
-อน-