กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
รมว.พม. กำชับเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือเด็กหญิง ๒ พี่น้องยอดกตัญญูและเรียนดี วัย ๑๒ ปี และ ๑๖ ปีรับภาระเลี้ยงดูพ่อพิการขาลีบ วัย ๖๕ ปี ตามลำพัง ครอบครัวมีฐานะยากจน ที่ จ.สุพรรณบุรีพร้อมติดตามความคืบหน้ากรณี มท. เข้าตรวจสอบสถานบริการอาบอบนวดแห่งหนึ่ง ย่านรัชดาภิเษก กรุงเทพฯพบหญิงสาวถูกบังคับค้าประเวณีเป็นคนไทยและต่างด้าว จำนวน ๑๒๑ คน
วันนี้ (๘ มิ.ย. ๕๙) เวลา ๐๘.๓๐ น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ ๔๑๓/๒๕๕๗-๒๕๕๙ เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม ว่า จากกรณีเด็กหญิงสองพี่น้องยอดกตัญญู วัย ๑๒ ปี และ ๑๖ ปี รับภาระเลี้ยงดูพ่อแก่ชราวัย ๖๕ ปี พิการขาลีบทั้ง ๒ ข้าง แต่สู้ชีวิตขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ออกตระเวนรับจ้างนวดให้คนในหมู่บ้าน ส่วนเด็กหญิงทั้ง ๒ คน เป็นเด็กเรียนดีแต่ฐานยากจน และในวันหยุดจะออกรับจ้างทำงานพิเศษช่วยหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ทั้ง ๓ ชีวิตอาศัยในบ้านมุงสังกะสีสภาพเก่าใกล้ผุพัง ไม่มีไฟฟ้าใช้ อาศัยข้าววัดประทังชีวิตไปวันวัน บางวันต้องอาศัยกินข้าววัดประทังชีวิตไปวันๆ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุพรรณบุรี (พมจ.สุพรรณบุรี) เร่งลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการศึกษาของเด็กทั้ง ๒ คนในระยะยาว และดูเรื่องรักษาพยาบาลของชายชราที่ป่วยอย่างต่อเนื่อง
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง (ปค.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) สนธิกำลังกว่า ๑๐๐ นาย เข้าตรวจสอบสถานบริการอาบอบนวดแห่งหนึ่ง ย่านรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ พบว่ามีการแอบแฝงค้าประเวณี โดยมีการนำพาหญิงสาวต่างด้าวมาค้าบริการทางเพศจำนวนมาก และมีอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี จึงเข้าข่าย เป็นการค้ามนุษย์ ซึ่งภายหลังการตรวจสอบสามารถช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกบังคับค้าประเวณีเป็นคนไทยและต่างด้าว ได้จำนวนทั้งสิ้น ๑๒๑ คน และมีการจัดทีมสหวิชาชีพคัดกรองในเบื้องต้น พบว่า เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน ๙ คน (คนไทย๑ คน/เมียนมา(ไทยใหญ่) ๘ คน) อาจจะเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน ๑๒ คน และ ไม่เข้าข่ายผู้เสียหาย ๑ คน ทั้งนี้ จะนำหญิงสาวที่ช่วยเหลือได้จำนวนทั้งสิ้น ๑๒๑ คน ไปยังสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ เพื่อเข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพต่อไป