ครม.ไฟเขียวแผนความร่วมมือทางวัฒนธรรมไทย-อินเดีย ขยายเวลาจาก 3 ปีเป็น 4 ปี เดินหน้ายกระดับความร่วมมือด้านวัฒนธรรม-โบราณคดี-จดหมายเหตุ

ข่าวทั่วไป Tuesday June 14, 2016 16:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 มิ.ย.--กลุ่มประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการว่าด้วยโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ปี 2559-2562 ตามที่ วธ. เสนอ เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยและสาธารณรัฐอินเดีย ได้จัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมฯ มาแล้วในปี 2550-2552 และ ปี 2555-2557 โดยมีเนื้อหาสาระครอบคลุมกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมที่ทั้งสองฝ่ายที่จะดำเนินการร่วมกันในระยะ 3 ปีภายใต้ความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยและอินเดีย และจากการหารือระหว่างทั้งสองฝ่ายเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา มีความเห็นสอดคล้องกันว่าจะดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมไทย-อินเดียให้เป็นรูปธรรม ประกอบกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ 16–18 มิถุนายนนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้จัดให้มีการลงนามแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว นายวีระ กล่าวว่า สำหรับแผนปฏิบัติการว่าด้วยโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมฯ ฉบับล่าสุดนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันจะขยายระยะเวลาแผนปฏิบัติการฯ จาก 3ปี เป็นระยะเวลา 4 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างไทยกับอินเดียให้ขยายผลยิ่งขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นลักษณะแผนงานที่กำหนดรายละเอียดโครงการหรือกิจกรรมด้านวัฒนธรรมที่จะดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 4 ปี ครอบคลุมกิจกรรมการแลกเปลี่ยนการเยือนและจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกัน มุ่งเน้นการส่งเสริมความร่วมมือในด้านที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกันและมีศักยภาพ และคล้ายคลึงกับแผนปฏิบัติการฯ ฉบับที่ผ่านมา อาทิ ด้านโบราณคดี การอนุรักษ์โบราณสถาน ศิลปวัตถุและศาสนสถาน การจัดนิทรรศการด้านพุทธศาสนา การแลกเปลี่ยนการจัดการแสดงของคณะนาฏศิลป์และศิลปะการแสดงพื้นบ้าน รวมทั้งความร่วมมือในสาขาทัศนศิลป์ จดหมายเหตุ หอสมุด สื่อสิ่งพิมพ์ หัตถกรรมพื้นบ้าน และการแปลงานวรรณกรรม เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้งด้านวัฒนธรรม และเป็นประโยชน์ต่อการขยายผลทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างสองฝ่ายต่อไป นอกจากนี้ในปี 2560 ซึ่งจะครบรอบความสัมพันธ์ 60ปี ไทย-อินเดียนั้น วธ.ได้จัดทำแผนและหารือเบื้องต้นว่าจะมีการแลกเปลี่ยนโบราณวัตถุเพื่อนำมาจัดแสดงให้ประชาชนได้ศึกษาเรียนรู้ อาทิ เสาหินพระเจ้าอโศก พระพุทธรูปคันธาระหรือคันธารราฐ เป็นต้น "อย่างไรก็ตามตนจะเดินทางไปเป็นผู้ลงนามในแผนปฏิบัติการว่าด้วยโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ในวันที่ 16-18 มิถุนายนนี้" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ