เอดส์ มหันตภัยที่ผู้ชายหยุดยั้งได้!แคมเปญเอดส์โลกปี 2000 ของ UNAIDS

ข่าวทั่วไป Friday March 10, 2000 08:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--องค์การยูเอ็นเอดส์
เอดส์ มหันตภัยที่ผู้ชายหยุดยั้งได้!แคมเปญเอดส์โลกปี 2000 ของ UNAIDS “ผู้ชายสามารถช่วยแก้ไขปัญหาของการแพร่ระบาดของเอดส์ได้”
(นิวเดลี) องค์การยูเอ็นเอดส์ (UNAIDS)ซึ่งเป็นโครงการร่วมแห่งสหประชาชาติในเรื่อง HIV/AIDS ได้ประกาศแคมเปญเอดส์โลกประจำปี 2000 ขึ้นวันนี้ ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียแคมเปญนี้จะมุ่งเน้นให้ผู้ชายเห็นความสำคัญและเข้ามามีส่วนช่วยเหลือในการควบคุมและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเอดส์มากขี้น
ปัจจุบัน ผู้หญิงทั่วโลกมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอดส์เนื่องจากผู้หญิงไม่มีอำนาจในการที่จะกำหนดการมีสัมพันธ์ทางเพศได้มากนักอีกทั้งโดยความเชื่อทางวัฒนธรรมและสังคมเองแต่ในทางกลับกันยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของผู้ชายเองจำนวนผู้ชายที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์กลับสูงกว่าผู้หญิงในทุกภูมิภาคทั่วโลกยกเว้นในประเทศแอฟริกาแถบซับซาฮาร่าที่ผู้หญิงมีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าผู้ชายและที่น่าเป็นห่วงก็คือผู้ชายที่อายุต่ำกว่า 25 ปี มีอัตราการติดเชื้อสูงขึ้น
ดร.ปีเตอร์ พีออท ผู้อำนวยการขององค์การ UNAIDS กล่าวว่า“ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมองผู้ชายว่าไม่ใช่ต้นเหตุหนึ่งของปัญหาแต่เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขเราจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ผู้ชายเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อช่วยชะลอการแพร่ระบาดของโรคเอดส์และยังช่วยให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอันจะส่งผลดีต่อครอบครัวและคู่ของพวกเขาด้วย”
“ชายชาตรี”
สิ่งที่ท้าทายต่อความสำเร็จของแคมเปญนี้คือความพยายามที่จะเปลี่ยนทัศนคติของผู้ชายในเรื่องของ “ความเป็นชายชาตรี”กับการมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์
ผู้ชายโดยทั่วไปต้องการแสดงความเข้มแข็ง จิตใจเด็ดเดี่ยว กล้าหาญและชอบสิ่งที่ท้าทาย ซึ่งทัศนคติเหล่านี้บางอย่างส่งผลให้ผู้ชายมีพฤติกรรมทางเพศที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดเชื้อไปสู่คู่ของตน แต่ในทางกลับกันทัศนคติบางอย่างอาจจะเป็นประโยชน์ต่อการรณรงค์ในครั้งนี้เหตุผลที่ดีว่าทำไมผู้ชายจึงควรเข้ามามีส่วนช่วยเหลือในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์มากขึ้น คือผู้ชายส่วนใหญ่จะมีคู่นอนที่มากกว่าผู้หญิงและมักจะมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นนอกจากภรรยาของตนซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อทั้งแก่ตนเองและคู่ของตนความเสี่ยงยังเนื่องมาจากการต้องปกปิดเรื่องเพศสัมพันธ์รวมทั้งความอายทำให้ชายหญิงที่มีเพศสัมพันธ์กันไม่พยายามแสดงให้คู่นอนของตนรู้ว่าตัวเองติดเชื้อเอดส์อยู่การรณรงค์ในครั้งนี้ยังมุ่งเน้นการให้ความรู้แก่ผู้ชายในเรื่องการดูแลสุขภาพของตนให้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ชายจะมีความเอาใจใส่ในเรื่องสุขภาพของตัวเองน้อยกว่าผู้หญิง
“สถานการณ์เสี่ยง”
นอกจากนี้สภาพการณ์บางอย่างทำให้ผู้ชายมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์สูง เช่นการที่ผู้ชายต้องไปทำงานห่างไกลจากครอบครัวทำให้ต้องมีการนอกใจคู่สมรสหรือต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อหาความสุขจากหญิงอื่นต้องดื่มของมึนเมาเพื่อคลายเครียด ลดความเหงา เป็นต้นในบางกรณีการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีแต่ผู้ชาย เช่น ในค่ายทหาร ในเรือนจำอาจผลักดันให้ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน
ภายใต้สภาวะกดดันรุนแรง เช่นในระหว่างสงครามหรือการอพยพผู้หญิงและเด็กผู้หญิงจะตกเป็นเหยื่อของการกดขี่ทางเพศโดยผู้ชายบางครั้งกระทำโดยบุคคลในครอบครัวของตน จากรายงานที่ได้รับจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลกพบว่าผู้หญิงจำนวน 1 ใน 3 ถูกทุบตีและถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ยินยอม
“ชายชาตรีในยุคเอดส์”
ถึงเวลาแล้วที่ผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือคนงาน เป็นพ่อ ลูกชาย พี่ชายน้องชายหรือเป็นเพื่อนต้องหันมามองว่าตนมีพฤติกรรมทางเพศที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้ออย่างไรและ ผู้ชายจะสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อช่วยชะลอการแพร่กระจายได้อย่างไร
จากการสำรวจพบว่าผู้ชายทั่วโลกมีบทบาทในการดูแลลูกหลานน้อยกว่าผู้หญิงซึ่งปัญหาของการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ในปัจจุบัน พบว่ามีเด็กกว่า 11 ล้านคนถูกทอดทิ้งให้เป็นเด็กกำพร้า และกำลังรอคอยความช่วยเหลือในเรื่องเสื้อผ้าที่อยู่อาศัย และการศึกษาจากผู้ใหญ่ ดังนั้น ภายใต้โครงการนี้ผู้ชายควรได้รับการกระตุ้นให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น เช่นมีส่วนร่วมในการแสดงความห่วงใยและดูแลครอบครัวของตนมากขึ้น
รายงานฉบับนี้เสนอข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าผู้ชายตามปกติจะมีอายุขัยต่ำกว่าผู้หญิง และมีอัตราการตายสูงกว่าผู้หญิงนอกจากนี้ ในสังคมที่เด็กชายถูกเลี้ยงดูด้วยความเชื่อที่ว่า“ผู้ชายคือเพศที่แข็งแรง”ทำให้มีการดำเนินชีวิตโดยเชื่อมั่นว่าตนจะไม่เจ็บป่วยหรือติดเชื้อได้ง่าย ๆเราจึงควรให้ความสนใจกับความต้องการที่แท้จริงของผู้ชายหลายล้านคนโดยเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง
ดร.พิออท กล่าวว่า“บ่อยครั้งที่การปฏิเสธการใช้สารเสพติดหรือการใช้ถุงยางอนามัยกลับถูกมองเป็นการกระทำที่ไม่เป็นชายชาตรี ซึ่งทัศนคติเช่นนี้ทำให้การพยายามที่จะป้องกันการติดเชื้อเอดส์ไม่เป็นผลอย่างไรก็ตามพฤติกรรมของผู้ชายสามารถเปลี่ยนแปลงได้และการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยชะลอการกระจายของเชื้อเอดส์ได้อย่างตัวอย่างของบางประเทศในแอฟริกา อเมริกากลาง และเอเชียที่คนขับรถบรรทุกทางไกลได้พยายามลดการมีเพศสัมพันธ์โดยลดจำนวนคู่นอนของตนและรู้จักการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยในประเทศไทยได้มีโครงการป้องกันการติดเชื้อในหมู่ทหารเกณฑ์อย่างประสบผลสำเร็จและในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกานักศึกษาต่างพยายามยืดเวลาการเริ่มมีเพศสัมพันธ์ออกไปและรู้จักการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์"
“สถานการณ์เอดส์”อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ในกลุ่มผู้หญิงของแคมเปญเอดส์โลกยังคงดำเนินต่อไปด้วยเพียงแต่แคมเปญเอดส์โลกประจำปี 2000นี้จะช่วยสนับสนุนการดำเนินการรณรงค์ป้องกันโรคเอดส์โดยรวม จากสถิติที่พบในช่วงปลายปี 1999 พบว่ามีชาย หญิง และเด็กติดเชื้อเอดส์และเป็นโรคเอดส์มากกว่า 33.6 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ 16.3ล้านคนได้เสียชีวิตไปแล้ว และในปี 1999 มีผู้รับเชื้อใหม่จำนวนถึง 5.6ล้านคนทั่วโลก ซึ่งในกลุ่มนี้เป็นคนในแอฟริกาแถบซับซาฮาร่าถึง 3.8 ล้านคนและในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 1.3 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ภายใต้โครงการรณรงค์นี้ไม่ได้หมายความว่าโปรแกรมการป้องกันการเกิดโรคเอดส์ในผู้หญิงและเด็กหญิงจะหมดไปแต่ทั้งหญิงและชายต่างมีความสำคัญในการช่วยกันทำให้โครงการนี้ประสบผลสำเร็จ--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ