บาปปรารถนา…กับดักมรณะ (Original Sin) บทประชาสัมพันธ์ กำหนดฉายวันที่ 7 กันยายน

ข่าวทั่วไป Monday August 20, 2001 13:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--Twentieth Century Fox
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณตกหลุมรักสาวงาม , ถ้าสิ่งต่างๆที่เธอกระทำต่อคุณ เป็นเพียงแค่ความฝัน?
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เธอบอก?
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเธอเป็นฆาตกร?
จูเลีย รัสเซล (แองเจลิน่า โจลี่) ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งลุ่มหลงอย่างที่ตัวเขาเองไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เขายอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อได้อยู่ใกล้ชิดเธอ เมื่อตอนที่ลูอิส (อันโตนิโอ แบนเดราส) รับจูเลียมาเป็นภรรยา , เขาคิดว่าชีวิตของเขาครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
แต่คนเรามักไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น และชีวิตของลูอิสก็เริ่มเข้าสู่ปัญหา เมื่อ จูเลียหายไปพร้อมกับเงินของเขา ลูอิสพยายามค้นหาอดีตของจูเลีย-อดีตที่ดูเหมือนว่าไม่เคยมี-และเขาก็พบว่าผู้หญิงที่เขารักถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการฆาตกรรม เซ็กส์ และรักเปลี่ยนเป็นโทสะและอาฆาตแค้น ลูอิสตัดสินใจมุ่งหน้าออกตามหาภรรยา-แต่เขาจะสามารถเล่นเกมอันตรายของเธอได้หรือไม่?
อันโตนิโอ แบนเดราส (The Mask of Zorro) และนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ แองเจลิน่า โจลี่ (Girl,Interrupted) นำแสดงใน Original Sin บทภาพยนตร์และกำกับการแสดงโดย ไมเคิล คริสโตเฟอร์ , เจ้าของรางวัลพูลิเซอร์ และ Director Guild of America Award , ผู้เขียนบทภาพยนตร์ และบทละคร ซึ่งเคยกำกับ Gia งานสร้างชื่อให้กับ โจลี่ ทาง HBO มาแล้ว Original Sin ยังร่วมแสดงด้วย โธมัส เจน (Boogie Night) และ แจ๊ค ธอมป์สัน (เร็วๆนี้ใน Star Wars : Episode II) ภาพยนตร์อำนวยการสร้างโดย เดนิส ดี โนวี , เคท กวินเบิร์ก และ แครอล ลีส์ , บริหารงานสร้างโดย เชลดอน เอเบนด์ , อโศก อัมฤทธิ์ราช และ เดวิด โฮเบอร์แมน ไมเคิล เอส. กลิค รับหน้าที่ ไลน์ โปรดิว-เซอร์ และ เอ็ดเวิร์ด แอล. แม็คโดแนล รับหน้าที่ร่วมอำนวยการสร้าง ภาพยนตร์สร้าง จากนวนิยายเรื่อง Waltz Into Darkness โดย คอร์แนล วูลริช , โรดิโก พริเอโต (Amores Perros) รับหน้าที่กำกับภาพ ,ออกแบบงานสร้างโดย เดวิด เจ. บอมบา (Apollo 13) ,ตัดต่อโดย อีริค เชียร์ส (Gia) ,ออกแบบเครื่องแต่งกายโดย ดอนน่า ซาโควสกา (One True Things) และดนตรีประกอบโดย เทอเร้นช์ แบลนชาร์ด (Love & Basketball)
เนื้อเรื่อง
ผู้หญิง : สาวสวย แองเจลิน่า โจลี่ ในบทที่เปิดโอกาสให้เธอแสดงความสามารถอย่างแท้จริงสู่สายตาผู้ชม โจลี่ รับบทเป็น จูเลีย รัสเซล หญิงสาวที่เต็มไปด้วยพลังทางเพศและมีความลับมากมายที่ปกปิดไว้ชวนให้พิศวง , พวกผู้ชายไม่อาจต้านทานต่อเธอได้
ผู้ชาย : ดาราหนุ่มสุดเซ็กซี่ อันโตนิโอ แบนเดราส รับบทเป็น ลูอิส วาร์-กัส นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อชาวคิวบา เป็นคนจริงจังและมีฐานะร่ำรวย เขามีทุกสิ่งที่ต้องการ มีเพียงสิ่งเดียวที่ขาดไป นั่นคือ ภรรยา
ด้วยแรงบันดาลใจจากงานระทึกขวัญคลาสสิคของ คอร์เนลล์ วูลริช Waltz Into Darkness , ผู้กำกับ/ผู้เขียนบท เจ้าของรางวัลพูลิเซอร์ ไมเคิล คริสโตเฟอร์ นำเสนอเรื่องราวของตัณหาราคะและความรักที่ชักนำผู้คนให้ตกอยู่ในการหลอกลวง…และการฆาตกรรม
ลูอิสต้องการแต่งงานโดยปราศจากเรื่องจุกจิกวุ่นวายของความรัก-เขารู้ว่าเจ้าสาวชาวอเมริกันของเขาจะต้องเป็นคนที่เพียบพร้อม และเธอจะเข้ามาเติมเต็มชีวิตเขาให้สมบูรณ์ เขารู้จักจูเลียผ่านการติดต่อทางจดหมาย แต่เมื่อเธอเดินทางมาถึงคิวบา ทุกสิ่งที่เขาคิดว่าเคยต้องการก็เปลี่ยนไป ทั้งหมดที่เขาต้องการคือการได้ตัวเธอมาครอบ-ครอง เธอดึงเขาเข้าสู่ห้วงแห่งอารมณ์และความเสน่หาอย่างที่เขาไม่เคยพานพบมาก่อน และเขาก็ตกหลุมรักเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น
จากจุดเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม จูเลียไม่เหมือนกับคนที่เธอบรรยายไว้ใน จดหมาย ภาพที่เธอส่งมาเป็นคนละคนกัน เรื่องของเธอถูกแต่งขึ้นมา ไม่มีคำอธิบายเกี่ยวกับแผลเป็นที่หลังของเธอ รวมทั้งฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่ายามเธอหลับ และหีบเดินทางใบใหญ่ที่เธอปฏิเสธจะเปิดมัน
เมื่อ ลูอิส มีโอกาสได้รู้จักกับ วอลเตอร์ ดาวน์ส (โธมัส เจน) นักสืบเอก-ชน ที่มาพร้อมกับข้อมูลที่เลวร้ายเกี่ยวกับจูเลีย ดาวน์สบอกกับเขาว่าจูเลียอาจเป็นฆาตกรและขโมย แต่ลูอิสไม่เชื่อ จนกระทั่งเมื่อจูเลียหายตัวไปโดยปราศจากร่องรอย--พร้อมกับเงินของเขา
ด้วยความแค้นและต้องการทวงคืน ลูอิสออกติดตามบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตรายเข้าสู่โลกของจูเลียที่เรื่องราวในอดีตของเธอถูกซ่อนไว้ , ปมปัญหาของเธอกับอดีตคนรัก ,สิ่งที่น่าตกใจที่สุด คือความสามารถของเธอในการปิดบังความรู้สึกและทำตามสัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอด ด้วยความลุ่มหลงอย่างไม่ลืมหูลืมตานำไปสู่ไคลแม็กซ์ที่น่ากลัว ทั้งลูอิสและจูเลียต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานจากผลที่ตามมารายละเอียดเกี่ยวกับงานสร้าง
ผู้เขียนบท/ผู้กำกับ ไมเคิล คริสโตเฟอร์ เองเป็นผู้ดัดแปลงเรื่องราวความปรารถนาอันร้อนแรงทางกามารมณ์ของ Original Sin จากนวนิยายของ คอร์เนลล์ วูลริช Waltz Into Darkness วูลริชเป็นที่รู้จักกันดีในวงการในฐานะผู้เขียนบท It Hard to be Murder (ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์คลาสสิคของ อัลเฟรด ฮิตชค็อค Rear Window) รวมทั้งผลงานสร้างชื่อของ Truffaut เรื่อง The Bride Wore Black (จากนวนิยายของวูลริชในชื่อเดียวกัน) นอกจากนี้ วูลริช ยังได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในสุดยอดนักเขียนนวนิยายนัวร์ของอเมริกา ผลงานเด่นๆของเขาได้แก่ The Black Path of Fear และ The Black Curtain มุมมองของวูลริช คือการนำเสนอเรื่องราวที่ชวนขนลุก ,การเปิดเผยพฤติกรรมที่ปราศจากเหตุผลและสิ่งเลวร้ายที่ชักนำผู้ชายและผู้หญิงไปในทางที่ผิด เช่นเดียวกับ Ellery Queen หนึ่งในงานเขียนของวูลริช : "เขาปล่อยความน่าขนหัวลุก , ความตื่นเต้น ,ความลุ้นระทึกออกมาเป็นระยะ"
Waltz Into Darkness เป็นนวนิยายที่ไม่ธรรมดาและซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากที่สุดในจำนวนผลงานของวูลริช มันเปลี่ยนรูปแบบของเรื่องราวฆาตกรรมและการผูกพยาบาทอาฆาตให้เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจและคาดไม่ถึงของการถูกความรักเข้าครอบงำ เรื่องดำเนินไปในขอบเขตของความระทึกขวัญทางจิตวิทยา , วูลริชบอกเล่าเรื่องของชายหนุ่มที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวและเกือบจะเป็นบ้าเพียงเพราะเขาเข้าไปข้องเกี่ยวกับความรัก , การได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เปลี่ยนความรู้สึกของเธอเองให้กลายเป็นเกมอันตราย
หลังจากที่ได้อ่าน Waltz Into Darkness , ไมคิล คริสโตเฟอร์ ก็ติดใจจนวางไม่ลง ไม่เพียงแค่เนื้อหาที่น่าตื่นเต้น แต่ธีมของมันเป็นอะไรที่ร่วมสมัย ; ความปรารถนา ,อำนาจ , เซ็กส์ และตัวตน ที่เต็มไปด้วยความรุนแรง
"โดยผิวเผิน มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพลังทางเพศ , สัญชาตญาณเหล่านี้สามารถนำและครอบงำคุณ" คริสโตเฟอร์ กล่าว "แต่หัวใจของมันที่จริงเกี่ยวกับการยอมรับในตัวตนของคนๆหนึ่ง-ดีและเลว , มืดและสว่าง"
ในการเขียนบท คริสโตเฟอร์ ตระหนักถึงการเล่นเกมรักที่อันตรายระหว่างจูเลียและลูอิส---นั่นเป็นเพราะทั้งคู่สิ้นหวังในความรัก "จูเลียอยู่ตรงกลางระหว่างโลกสองใบ" คริสโตเฟอร์อธิบาย "โลกใบหนึ่งคือความผิดพลาด , เกมที่ต้องใช้การไตร่ตรอง แต่เป็นโลกที่มอบความรักให้เธอ-ส่วนอีกใบหนึ่งเป็นมากกว่าความจริง แต่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและอันตราย เพราะเธอไม่สามารถยอมรับตัวเองว่าสมควรเป็นคนที่ถูกรัก ด้วยการพยายามปฏิเสธความรักของลูอิส เธอติดอยู่ระหว่างด้านที่สว่างกว่าของตัวเองและด้านที่มืดกว่า--ซึ่งในกรณีนี้ มันเป็นด้านที่มืดมาก
สำหรับลูอิสเอง ดูเหมือนว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่สามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้-จนกระทั่งมาพบกับจูเลีย "จูเลียได้เปิดประตูอีกบานเบื้องหลังเขา" คริส- โตเฟอร์กล่าว "ในตอนเริ่มเรื่อง ได้มีการค้นพบอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเขา ซึ่งตัวเขาเองไม่เคยสัมผัสมาก่อน จากนั้นเมื่อเรื่องราวดำเนินไป เขาก็เริ่มที่จะสำรวจลึกลงไปถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างในและเขาถูกครอบงำโดยจูเลีย ในการออกติดตามหาเธอ เขาเกือบจะถูกนำไปสู่ด้านที่เลวร้าย ในสุดทุกอย่างจบลงด้วยการประนีประนอม---ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นหนทางเดียวที่ความรักคงอยู่
คริสโตเฟอร์ได้เปลี่ยนสถานที่ในเรื่องจาก นิว ออร์ลีนส ไปเป็นเกาะของคิวบา ---สถานที่ที่มีอุณหภูมิทางธรรมชาติใกล้เคียงกัน นอกเหนือจากนี้ยังเต็มไปด้วยอาณานิคม ด้วยความหลากหลายของชาวเมือง , ความงาม และศิลปะวัฒนะธรรมของคิวบาดูเหมือนว่าจะเพอร์เฟ็กสำหรับใช้เป็นฉากหลังในเรื่อง
"คิวบามีความลึกลับเหมือนกับ นิว ออร์ลีนส" คริสโตเฟอร์กล่าว "แต่มันยังเพิ่มเติมชั้นลงไปในเนื้อเรื่อง เนื่องจากความใกล้ชิดของนิวยอร์คกับฮาวานา , คนอเมริกันอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีคนอเมริกันพยายามหนีไปใช้ชีวิตในควิวบา เช่นเดียวกับ จูเลีย และมีคนคิวบาที่ต้องการทุกอย่างอย่างคนอเมริกัน เช่นลูอิสที่ต้องการเจ้าสาวชาวอเมริกัน
ในตอนจบ บทภาพยนตร์ของคริสโตเฟอร์ได้สร้างโลกแห่งอีโรติคที่เต็มไปด้วยความลึกลับ "มันนำคุณไปยังที่ที่เต็มไปด้วยเล่ห์และความประหลาดใจ" ไลน์ -โปรดิวเซอร์ ไมเคิล กลิ๊ค กล่าว* * * หัวใจของ Original Sin เป็นเหมือนกับเกมแมวจับหนู โดยมีตัวละคร2ตัวเป็นศูนย์กลางของเรื่อง ได้แก่ จูเลีย และ ลูอิส สำหรับไมเคิล คริสโตเฟอร์ การคัดเลือกสองนักแสดงที่เหมาะสมกับบทเป็นส่วนสำคัญในการสร้างชีวิตให้กับภาพยนตร์ สำหรับบทของ จูเลีย รัสเซล , คริสโตเฟอร์มีนักแสดงที่เขาคิดไว้ในใจตั้งแต่แรกแล้ว นั่นคือ แองเจลิน่า โจลี่ นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ที่เขาเป็นผู้สร้างเธอใน Gia ทาง HBO"แองเจลิน่าดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด" คริสโตเฟอร์กล่าว "เหนืออื่นใด เธอเป็นนักแสดงที่มากด้วยความสามารถ เธออ่อนหวานและตรงไปตรงมา แต่นอกจากนี้ฌธอยังไม่กลัวที่จะแสดงออกในด้านที่มืดและเต็มไปด้วยอันตราย เช่นเดียวกับนักแสดงคนอื่นๆ เธอไม่กลัวที่จะอยู่ในโลกสองใบนี้พร้อมๆกัน นี่เป็นคุณสมบัติที่ทำให้เธอเหมาะสำหรับบทจูเลีย
โจลี่เองก็รู้สึกประทับใจกับบทของคริสโตเฟอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวมบทเป็นตัวละครที่น่าจดจำเช่นนี้ , เธอเป็นผู้หญิงที่มีพลังรุนแรงและอารมณ์ลึกๆที่คุกรุ่นอยู่ข้างในภายใต้ความลึกลับ "จูเลียเป็นคาแร็คเตอร์ที่พูดถึงสัญชาตญาณดิบของเรามากที่สุด" โจลี่ให้ข้อสังเกต "เธอพยายามต่อสู้กับคนที่เธอเคยเป็น , เป็นอยู่ และสามารถเป็น-เป็นสถานะการณ์ที่อันตราย
"สิ่งหนึ่งที่ฉันชอบที่สุดในบทของไมเคิล" เธอกล่าวต่อ "คือเกี่ยวข้องกับหลายสิ่งที่แตกต่างกัน มันเกี่ยวกับอิสระภาพและการสะกดกลั้นความรู้สึก , ความรักและความหลง , เกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยอันตรายและเกี่ยวกับความพยายามต่อสู่กับตัวเอง---มันสนุกและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน"มีสิ่งอื่นนอกเหนือจากการทำงานร่วมกับคริสโตเฟอร์ในฐานะผู้กำกับ "การทำงานร่วมกับไมเคิลทำให้ฉันรู้สึกเป็นอิสระอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะเขากล้าและเข้าใจเรื่องเซ็กส์ดีกว่าผู้สร้างคนอื่นที่ฉันรู้จัก" โจลี่กล่าว
จากการสวมบทจูเลีย โจลี่ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับเซ็กส์ "ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เซ็กส์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เซ็กส์ มันเป็นการค้นพบ , อิสระภาพ , การครอบครอง เป็นเจ้าของ , ความเกลียด , ความโกรธ และความรัก" โจลี่กล่าว "เซ็กส์ใน Original Sin ไม่ได้เป็นส่วนที่เติมเข้ามาในเนื้อเรื่อง - แต่มันเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูอิสและจูเลีย"
ดังนั้น ไมเคิล คริสโตเฟอร์ รู้ว่าเขาต้องการนักแสดงนำชายที่มีเสน่ห์พอๆกับโจลี่ และต้องดูน่าเชื่อว่าเป็นคนหัวเก่าและจริงใจ เขาเลือก อันโตนิโอ แบนเดราส"ทั้งสองเข้ากันได้อย่างลงตัว" คริสโตเฟอร์กล่าว "พวกเขามีสิ่งที่ความพิเศษ และลึกลับที่เรียกว่าปฏิกิริยาเคมี พวกเขาสามารถนำเสนอความน่าสนใจ และปมปัญหาซับซ้อนที่บทภาพยนตร์พูดถึงเกี่ยวกับเซ็กส์ , อำนาจ และอุบายทางเพศ ที่ครอบงำชีวิตของเรา"อันโตนิโอ แบนเดราส กล่าวว่า "การร่วมงานกับแองเจลิน่าเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่งดงาม เท่าที่ผมเคยได้ร่วมงานกับนักแสดงหญิงคนหนึ่ง เธอกล้ามาก เธอเป็นคาแร็คเตอร์นั้นมากกว่าแสดงเป็นคาแร็คเตอร์นั้น"
แบนเดราสมักจะมองหาบทที่ท้าทายอยู่เสมอ นับตั้งแต่ช่วงแรกของการทำงานในสเปนกับการทำงานร่วมกับ เปโดร อัลโมโดวาร์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงตอบรับ Original Sin รวมทั้งและคาแร็คเตอร์ของลูอิส วาร์กัส ด้วยความเต็มใจ เขาชอบความขัดแย้งในตัวลูอิสเป็นพิเศษ --- ชายหนุ่มฐานะดีที่มีพร้อมทุกสิ่งแต่ภายในกลับรู้สึกเพียงความว่างเปล่า
"ลูอิสเตือนผมให้นึกถึงคำพูดของคนสเปน ที่ว่า ผู้ชายไม่ต้องการอะไรที่ไม่สามารถเอาชนะได้" แบนเดราสกล่าว "นี่เป็นวิธีคิดของลูอิสในตอนแรก แต่ไม่ช้าหลังจากที่เขาตกหลุมรักจูเลีย เขาก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอ ด้วยความรักที่ต่อผู้หญิงคนนี้ เขายอมแลกกับทรัพย์สมบัติ , เพื่อนฝูง , หัวใจ และแม้แต่ชีวิตของเขาเอง"
แบนเดราสยังรู้สึกทึ่งกับการเปลี่ยนแปลงของเรื่อง จากเรื่องราวของความรักไปสู่การสืบสวนและย้อนกลับมาที่เดิม "คุณไม่สามารถแยกตัวเองออกมาจากความรัก และความลุ่มหลงได้" เขากล่าว "นี่ไม่ใช่เรื่องรักที่คุณคุ้นเคย มันเกี่ยวข้องกับความลึกลับที่ซ่อนอยู่ข้างในวิญญาณของมนุษย์ พร้อมกับความระทึกขวัญที่กับการหักมุมที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชม"
หนึ่งในคาแร็คเตอร์ที่สร้างความประหลาดใจคือ นักสืบวอลเตอร์ ดาวน์ส รับบทโดย โธมัส เจน ซึ่งชื่นชอบการแสดงเป็นตัวละครที่ปกปิดตัวตนแท้จริงของตัวเองเอาไว้ "ผมหลงรักบทนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น และยังน่าตื่นเต้นที่ได้ทำงานร่วมกับอันโตนิโอ แบนเดราส และ แองเจลิน่า โจลี่" เจนกล่าว "ผมชอบสิ่งที่เรื่องราวได้สำรวจเกี่ยวกับอารมณ์และความปรารถนาของมนุษย์ มันเกี่ยวกับความลุ่มหลงและการสูญเสียการควบคุมที่เกิดขึ้นเมื่อคุณปล่อยให้ความหลงอยู่เหนือคุณ"
เมื่อได้นักแสดงหลักที่ต้องการแล้ว คริสโตเฟอร์ยังได้รวบรวมนักแสดงมีฝีมือทั้งเวทีและภาพยนตร์ ซึ่งส่วนใหญ่เคยร่วมงานกับเขามาแล้วไม่ว่าจะเป็นละครเวที หรือใน Gia รวมทั้ง อัลลิสัน แม็กกี้ , โจน พริงเกิล , คอร์เดเลีย ริชาร์ดส และ เกรกอรี อิทซิน นอกจากนี้เขายังได้นักแสดงชาวเม็กซิโกมาร่วมงาน รวมทั้ง เปโดร อาร์เมนดาริซ
Original Sin ถ่ายทำเกือบทั้งหมดในเม็กซิโก ซึ่งมีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับคิวบา ทั้งเม็กซิโกและคิวบาเคยเป็นอาณานิคมของสเปนในช่วงศตวรรษที่ 16 ทั้งสองประเทศมีแบบสถาปัตยกรรม มีความโรแมนติก และความรู้สึก คล้ายคลึงกันที่ส่งผ่านตลอดภาพยนตร์ โชคดีที่ป่าเขตร้อนเขียวชอุ่มชายฝั่งทะเลเม็กซิโกมีสภาพคล้าย- คลึงกับสภาพภูมิประเทศของแคริบเบียนในคิวบา
คริสโตเฟอร์ต้องการภาพที่จับทั้งอากาศที่ร้อนอบอ้าวของภูมิประเทศและสะท้อนภาพของตัวละคร เขาเลือก โรดริโก ปริเอโต หนึ่งในตากล้องรุ่นใหม่ที่มากความสามารถของเม็กซิโก เพื่อช่วยเขาในการตีความเนื้อเรื่องให้สอดคล้องกับภาพที่น่าประทับใจ
ปริเอโตตอบรับในทันที "เมื่อผมได้อ่านบท ผมรู้ว่าผมต้องทำงานนี้" เขาเล่า "ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของเนื้อเรื่องกับฉากหลังของคิวบาทำให้ภาพที่ออกมาสมบูรณ์สมจริง"
คริสโตเฟอร์และปริเอโตออกแบบภาพสำหรับภาพยนตร์ ด้วยการเคลื่อนไหวกล้องอย่างระมัดระวัง ผู้กำกับได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์คลาสสิคปี 1950 ของ แม็กซ์ โอฟูลส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Lola Montes และ The Earrings of Madame D. ทั้งสองเรื่องเป็นแม่แบบเรื่องราวโรแมนติคกับการปฏิวัติการถ่ายภาพที่ดูราวกับว่ากล้องมีชีวิต
เพื่อดึงสไตล์การถ่ายภาพให้โดดเด่น คริสโตเฟอร์และปริเอโตใช้อุปกรณ์ทันสมัยล่าสุด เป็นการนำเครื่องมือไฮเท็คมาวงไว้ในสถานที่เก่าแก่ - อย่างเช่นเมื่อ Swiss Crane ขนาดมหึมา และมีแขนยาว ถูกนำกลับไปในศตวรรษที่ 16 , Parroquia del Sagrario Catedral ใน Tlaxcala หนึ่งในโบสถ์ที่สร้างขึ้นแรกๆโดยชาวสเปนในนิวเวิร์ลของเม็กซิโก
ในขณะเดียวกัน ผู้ออกแบบฉาก เดวิด เจ. บ็อมบา ก็ต้องพบงานหนักในการมองหาสถานที่ทั้งภายนอกและภายในตลอดทั้งเม็กซิโก รวมทั้งเมืองสามแห่งของคิวบา ได้แก่ ซานติเอโก , คาร์ดีนาส และ ฮาวาน่า "ไมเคิล คริสโตเฟอร์ และผมเริ่มด้วยการเลือกสีที่จะใช้สำหรับภาพยนตร์ --- ฉากภายนอกสะท้อนความสว่าง และสีของฉากภายในจะให้ความรู้สึกเย็นสบายท่ามกลางความร้อนอบอ้าวของคิวบา" บ็อมบากล่าว ทีมโปรดัคชั่นค้นพบสถานที่ที่น่าพิศวง ห่างไปหลายร้อยไมล์ในเม็กซิโก เริ่มต้นที่ Hacienda ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ เดิมทีเป็นสวนอ้อยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆของ Oacalco , ห่างออกไปประมาณ 30 ไมล์นอกเมือง Cuernavaca ใน Morelos รู้จักกันในชื่อของ Hacienda Oacalco บ็อมบาและทีมของเปลี่ยนมันให้เป็นไร่กาแฟของลูอิส ตัวเมือง Hacienda เองก็เต็มไปด้วยตำนานและเรื่องราวเก่าแก่-รวมทั้งความจริงที่ว่ามันเคยเป็นบ้านคนรักของ เอมิลิอาโน ซาปาต้า ผู้ปฏิวัติเม็กซิกัน และยังมีเรื่องเล่าลือว่าเจ้าของเดิมได้กระทำ "ข้อตกลงกับปีศาจ" และไม่เคยกลับออกมาจากภูเขาแถบนั้นเลย
นอกจากนี้ยังมีสถานที่อื่น รวมทั้ง สถานที่สมัยศตวรรษที่ 16 Hacienda de Cortes ใน Cuernevaca (เป็นที่ถ่ายทำฉากแต่งงานของลูอิสและจูเลีย) , สถานที่ในศตวรรษที่ 19 Teatro Xicohtencatl (ใช้เป็นโรงละครที่ลูอิสและจูเลียเข้าไปชมละคร) , เมืองทางประวัติศาสตร์ของ Puebo และนครที่มีกำแพงล้อมรอบ เมืองเขตร้อนของ Campeche ใน Yucatan ดาวน์ทาวน์ของเม็กซิโก ซิตี้ ยังใช้เป็นฉาก บาร์ โอเปร่า ที่มีชื่อเสียง ซึ่งยังคงมีรูอยู่บนเพดานที่เกิดจากการยิงของ พันโช วิลล่า ระหว่างการปฏิวัติเม็กซิกัน
บ็อมบายังได้ออกแบบและสร้างฉากอื่นเพิ่มเติม ที่ ชูรูบัสโก สตูดิโอ รวมทั้งเมืองทั้งเมือง-ทั้งด้านนอกและด้านใน-ที่ที่ลูอิสและจูเลียอาศัยอยู่ในเมืองของคาร์-ดีนาส ที่นี่ บ็อมบานำช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษของเม็กซิกันมาร่วมงานด้วย "ถิ่นนี้อุดมไปด้วยช่างฝีมือ" เขากล่าว "เรามีช่างไม้และช่างปูนฝีมือดี ผมให้รายละเอียดภาพร่างแก่พวกเขา รวมทั้งภาพสเก็ตช หรือภาพถ่าย และในเวลาไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาก็มอบแบบตัวอย่างงานฝีมือที่สวยงามแก่ผม และเนื่องจากวัสดุมีราคาที่สมเหตุสมผล เราจึงเลือกใช้ไม้ , หิน , กระเบื้อง จริง มากกว่าจะใช้วัสดุอย่างอื่นแทนที่"ผู้ออกแบบเครื่องเครื่องแต่งกาย ดอนน่า ซาโควสก้า ออกแบบชุดกว่า 2000 ชุด สำหรับ Original Sin เกือบ 400 ชุด ตัดเย็บในนิวยอร์ค , ลอสแองเจลิส และลอนดอน สถานที่และเวลาที่กล่าวถึงในภาพยนตร์ไม่ได้กำหนดชัดเจน ดังนั้นซาโควสก้าจึงต้องทำการค้นคว้าอย่างหนักเกี่ยวกับการแต่งกายของชาวเมืองและชนชั้นสูง ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากแอฟริกาและยุโรป นอกจากนี้ซาโควสก้ายังได้ออกแบบหน้ากากและเครื่องประดับศีรษะสำหรับงานคาร์นิวัล
เธอให้ความสำคัญกับรายละเอียด และ ตัวละคร "อันโตนิโอสวมชุดสีสว่าง แบบเป็นผู้ดีชาวคิวบาที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองร้อน นอกจากนี้เรายังต้องการให้เขาดูโก้ยิ่งขึ้น แทนที่จะสวมสูทลินิน เครื่องแต่งกายของเขาจะทำจากวูลอังกฤษ" เธออธิบาย "สำหรับแองเจลิน่า เราเลือกชุดที่ทันสมัยและเก๋ให้กับเธอ"
ทีมสร้างยังได้ผู้ตกแต่งฉาก เบ็ธ รูบิโน ที่เคยถูกเสนอชื่อชิงชิงออสการ์ (The Cider House Rules) และ จอห์น แบ็งค์สัน เจ้าแห่งการหาของประกอบฉาก มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานสุดแสนพิเศษให้กับภาพยนตร์ ได้แก่ รถ , ตราประทับเข้าเมือง , ตั๋วเรือกลไฟ , เฟอร์นิเจอร์ , อาร์ตเวิร์ค , หนังสือ ซึ่งทั้งหมดได้รับการศึกษาค้นคว้า , ค้นพบ และสร้างขึ้นใหม่อย่างพิถีพิถัน โดย รูบิโน่ , แบ็งค์สัน และทีมงานของพวกเขา เพื่อสร้างชีวิตให้กับโลกที่เต็มไปด้วยอารมณ์เสน่หาที่สามารถสัมผัสได้ของ Original Sin
ตลอดการถ่ายทำในเม็กซิโก เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "อันโตนิโอ เม-เนีย" เพราะบริเวณพื้นที่แถบนั้นจะถูกยึดโดยแฟนๆของแบนเดราสกว่า 1,000 คน และพวกเขาจะคอยวิ่งไล่ตามดาราคนโปรดทุกครั้งที่เขาออกจากรถเทรลเลอร์ แต่กระนั้นแฟนๆก็ให้ความร่วมมือด้วยดี "เมื่อเราขอร้องบรรดาแฟนๆกว่า 1,000 คน ที่อยู่รายล้อมฉากถนน Pueblo ให้อยู่ในความสงบ คุณจะไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหมุดตกพื้น" ผู้บริหารงานสร้าง ไมเคิล กลิ๊ค อธิบาย "ความศรัทธาของแฟนๆเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ"บรรดานักแสดงเองก็ได้รับความประทับใจจากการทำงานเม็กซิโก "นี่เป็นสถานที่ที่อยู่ลึกเกินกว่าที่คุณจะค้นพบ" โธมัส เจน กล่าว "อาหารอุดมสมบูรณ์ และมีรสชาดเผ็ดร้อน , ผู้หญิงสวย , ดวงอาทิตย์ร้อนแรง และคุณสามารถได้กลิ่นของสังคมที่มั่งมีและซับซ้อน แม้ในวันที่ Campece มีอุณหภูมิสูงถึง 110 องศา มันก็ยังเพอร์เฟ็กสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับความปรารถนาที่ลึกที่สุดของวิญญาณ"
"ฉันคิดว่านี่เป็นหนึ่งภาพยนตร์ที่คุณจะได้รับความพึงพอใจจากการชม"แองเจลิน่า สรุป "มันเป็นการผจญภัยอย่างแท้จริง"--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ