บลจ. ไทยพาณิชย์ ชี้เศรษฐกิจไทยยังทรงแต่ดอกเบี้ยจะลดลงอีกในปี 44 อัตราค่าแลกเปลี่ยนเงินบาทเฉลี่ยทั้งปี 41.61 บาท

ข่าวทั่วไป Tuesday February 13, 2001 10:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ก.พ.-- แชนด์วิค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ไทยพาณิชย์ จำกัด จัดสัมมนาเรื่อง "แนวโน้มเศรษฐกิจ และทิศทางดอกเบี้ย ปี 2544" แก่ผู้จัดการสาขาต่างๆ ของธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์ ที่เป็นตัวแทนนายหน้าจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวม
ดร. พสุ พานิชศุภผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัย ไทยพาณิชย์ จำกัด และนายธีระ ภู่ตระกูล กรรมการผู้อำนวยการ บลจ. ไทยพาณิชย์ ต่างเห็นพ้องว่า เศรษฐกิจปี 2544 จะยังคงมีการขยายตัวแต่จะเป็นอัตราที่ลดลง ทั้งนี้การขยายตัวได้เริ่มชะลอตัวลง ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 2543 เนื่องจาก อุปทานในตลาดสูงกว่าอุปสงค์ การผลิตจึงชะลอตัวลง สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำ และอาจลดลงไปได้อีกร้อยละ 0.25
ดร. พสุ กล่าวว่า "ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจในปี 2544 ขยายตัว ได้แก่ กำลังซื้อในสินค้าอุปโภคบริโภคและการลงทุน กำลังซื้อในสินค้าอุปโภคบริโภคจะขยายตัวที่ร้อยละ 6.6 ขณะที่การลงทุนขยายตัวร้อยละ 9.9" การส่งออกซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีที่แล้ว ปีนี้คาดว่าจะมีการขยายตัวเพียงร้อยละ 10.0 เท่านั้น ทำให้ส่วนต่างระหว่างการส่งออกและการนำเข้าลดลง ส่งผลให้การเกินดุลการค้าลดลงด้วย สาเหตุที่การขยายตัวของการส่งออกลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าไม่ดีเช่นปีที่ผ่านมา การค้าโลกจะเติบโตร้อยละ 8 ลดลงจากปีก่อนที่มีการเติบโตร้อยละ 10 ราคาน้ำมันแม้จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ แต่คาดว่าในปีนี้ราคาน้ำมันจะลดลงเหลือเฉลี่ยบาร์เรลละ 24-25 US ดอลลาร์"
"สำหรับค่าเงินบาทจะมีเสถียรภาพที่อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 41.61 บาท/ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งเท่ากับ 40.16 บาท/ดอลลาร์ จากการที่ค่าเงินบาทไม่อ่อนตัวมากนักและราคาน้ำมันไม่สูงขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2.4 สูงกว่าปีที่แล้วซึ่งเท่ากับร้อยละ 1.6 แต่ยังถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำ เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ทางการกำหนดไว้เท่ากับร้อยละ 0-3.5 อัตราเงินเฟ้อในปีนี้จึงยังอยู่ในกรอบที่กำหนด นโยบายเศรษฐกิจของประเทศคงจะยังเป็นการใช้จ่ายจำนวนสูงของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลคงจะยังดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลงบประมาณเช่นเดียวกับปีก่อน และดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายคือการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำและสภาพคล่องในระบบสูง"
กล่าวโดยสรุปคือ แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในปีนี้จะมีการขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่แล้ว อัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ โดยอัตราดอกเบี้ยอาจลดลงไปได้อีกร้อยละ 0.25
นายธีระ ภู่ตระกูล กรรมการผู้อำนวยการ บลจ. ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปี 2544 ยังอยูในระดับต่ำและอาจลดลงไปได้อีกทำให้ผู้ฝากเงินมองหาทางเลือกอื่นในการลงทุนซึ่งกองทุนตราสารหนี้เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะได้รับความสนใจ และจากผลการดำเนินงานของกองทุนตราสารหนี้ในปีที่ผ่านมาก็ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนร้อยละ 7.67 และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์เกษียณสุขให้ผลตอบแทนร้อยละ 8.86 อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนยังคงต้องตระหนักว่า การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้มีความเสี่ยงไม่เหมือนกับการฝากเงิน
สำหรับทิศทางการลงทุนของกองทุนตราสารหนี้ที่ บลจ. ไทยพาณิชย์ บริหารยังคงเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของบริษัทที่มีฐานะมั่นคง โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้จะยังคงสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประมาณ ร้อยละ 50 หุ้นกู้ ร้อยละ 25 และที่เหลือในเงินฝาก ส่วนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์เกษียณสุข (ตราสารหนี้) มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกู้ประมาณ ร้อยละ 50 พันธบัตรรัฐบาล ร้อยละ 25 และที่เหลือในเงินฝากในปี
นายธีระ ยังได้กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาว่า มูลค่าของยอดขายปลีกและยอดขายส่งเริ่มชะลอตัวอย่างรวดเร็วแต่ยังสูงกว่าปีที่แล้ว อัตราการใช้กำลังการผลิตลดน้อยลง แต่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก ทำให้ธนาคารกลางของสหรัฐสามารถดำเนินนโยบายการเงินได้เต็มที่ โดยได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 0.5 และได้ประกาศลดลงอีกร้อยละ 0.5 เมื่อวันที่ 31 มกราคม ปีนี้ คาดว่าธนาคารกลางของสหรัฐจะยังคงลดอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อยร้อยละ 1.0 ในปีนี้ บลจ. ไทยพาณิชย์คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้จะชะลอตัวลงอย่างมากในครึ่งปีแรก และจะเริ่มทรงตัวหรือกระเตื้องขึ้นในครึ่งปีหลัง
ก่อนจบการสัมมนา ดร. พสุ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทกลางในการบริหารสินทรัพย์ (National AMC) ว่าเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่ได้ทำมาแล้ว แต่อาจจะต้องใช้งบประมาณในการจัดตั้งจำนวนสูง อย่างไรก็ตามรัฐจำเป็นต้องลงทุนเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจกลับไปถดถอยอีก หากการจัดตั้ง National AMC สำเร็จจะทำให้ธนาคารพาณิชย์แก้ไขปัญหาหนี้เสียได้เร็วขึ้นและสามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ควรพิจารณาในการดำเนินการของ National AMC คือ การซื้อขายสินทรัพย์จะกระทำกันที่ราคาใด ปัจจุบันสูตรการคำนวณราคาของ AMC สุขุมวิท อาจนำมาใช้อ้างอิงได้ส่วนหนึ่ง แม้ว่าการจัดตั้ง National AMC จะทำให้รัฐขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น แต่ผลที่จะได้คือการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสามารถชำระคืนหนี้สาธารณะได้ในที่สุด
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ ปองปรัชญ์ สุโรจนะเมธากุล
บริษัท แชนด์วิค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
โทรศัพท์ 257 0300
โทรสาร 257 0312--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ